ความรับผิดชอบต่อสังคม
นโยบายภาพรวม
นอกจากการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรมอันเป็นหลักการสำคัญที่บริษัทฯ ปลูกฝังให้แก่พนักงาน และตั้งเป้าหมายให้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กรแล้ว บริษัทฯ ยังมีความมุ่งมั่นที่จะแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมโดยดำเนินโครงการสาธารณประโยชน์ต่างๆ อย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม เพื่อมุ่งสร้างจิตสำนึกในการเป็นผู้ให้และเกื้อกูลสังคม ด้วยการเปิดโอกาสให้พนักงานทุกคนได้เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ต่างๆ ทั้งในด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนของชุมชน รวมถึงการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างจิตสำนึกในการเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม กิจกรรมเพื่อสังคม โดยมีการตั้งคณะทำงานรับผิดชอบปฏิบัติการและติดตามผลอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่วางไว้ และมีฝ่ายจัดการเป็นผู้ให้คำแนะนำ จึงกล่าวได้ว่าแนวทางในการดำเนินโครงการและกิจกรรมสาธารณประโยชน์ของบริษัทนั้นถูกขับเคลื่อนโดย “จิตอาสา” เป็นหลัก โดยมีคณะทำงานความรับผิดชอบต่อสังคม หรือ Corporate Social Responsibility (CSR) ทำหน้าที่กำหนดแนวทาง จัดทำงบประมาณ และดำเนินการจัดกิจกรรม รวมทั้งติดตามผลการดำเนินงาน จัดทำรายงานเสนอต่อฝ่ายจัดการ และเป็นศูนย์กลางในการติดต่อประสานงานด้าน CSR กับหน่วยงานภายนอก ตามนโยบายการดำเนินงานที่มุ่งเน้นการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนแก่ชุมชนและสังคม นอกจากโครงการที่บริษัทดำเนินการเองแล้ว บริษัทฯยังเข้าร่วมโครงการสาธารณประโยชน์อื่นๆ โดยเน้นกิจกรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นสำคัญ
บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการปลูกฝังจิตสำนึก การปฏิบัติตัวเป็นแบบอย่างของผู้บริหารที่ถ่ายทอดสู่พนักงาน โดยยึดแนวทางความรับผิดชอบต่อสังคมของกิจการที่จัดทำโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งปัจจุบัน กำหนดหลักการไว้ให้เป็นแนวปฏิบัติ 8 ข้อ ดังต่อไปนี้
บริษัทฯ กำหนดจริยธรรมทางธุรกิจไว้ในคู่มือการปฏิบัติงานสำหรับพนักงานทั่วไป ครอบคลุมเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตและยุติธรรม
คณะกรรมการบริษัทฯ มีนโยบายและยึดถือปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องของการปฏิบัติต่อคู่ค้าอย่างเสมอภาค และเป็นธรรม ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต การเคารพสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา การส่งเสริมสิทธิทางการเมือง ตลอดจนการปฏิบัติตามพันธสัญญาต่อผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทฯ ได้แก่
- การแข่งขันที่เป็นธรรม: การปฏิบัติตามเงื่อนไขต่างๆ ที่ตกลงกันไว้กับผู้ขาย หรือเจ้าหนี้อย่างเคร่งครัด เป็นธรรม ตามข้อตกลงต่างๆ ที่ได้ให้พันธะสัญญาไว้ในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน
- ส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมในคู่ค้า: ชี้แจง ขอความร่วมมือ และตรวจสอบถึงความเป็นธรรมในการจ้างงานและการปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานของผู้ขาย ผู้รับจ้างช่วง ผู้รับเหมา ที่เป็นคู่ค้าของบริษัทฯ ว่ายังคงความเป็นธรรมและปฏิบัติตามกฎหมายหรือไม่อย่างต่อเนื่อง
- การเคารพต่อสิทธิในทรัพย์สิน: ส่งเสริมและปฏิบัติตามสิทธิในทรัพย์สิน ทรัพย์สินทางปัญญา ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร สิทธิทางศีลธรรม อย่างเคร่งครัด
- การเกี่ยวข้องกับการเมืองอย่างมีความรับผิดชอบ: บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจด้วยความเป็นกลางทางการเมือง ไม่เข้าไปมีส่วนร่วม และไม่ฝักใฝ่พรรคการเมืองหนึ่งพรรคการเมืองใด หรือผู้มีอำนาจทางการเมืองคนหนึ่งคนใด ไม่นำเงินทุนหรือทรัพยากรของบริษัทฯ ไปใช้สนับสนุน ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมแก่พรรคการเมืองหรือนักการเมืองใดๆ โดยไม่อนุญาตให้ผู้บริหารและพนักงานใช้อำนาจครอบงำ ชักใย ข่มขู่ บีบบังคับ
บริษัทฯ ได้พัฒนากระบวนการติดตามและควบคุมความเสี่ยงในระดับปฏิบัติการโดยจัดตั้งคณะทำงานบริหารความเสี่ยงเพื่อกำหนดนโยบาย ควบคุมและติดตามความเสี่ยงในทุกๆ ด้านที่มาจากปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก โดยทำการประเมินความเสี่ยงด้านปฏิบัติการ (Operational Risk Management) ที่มีผลกระทบโดยตรงต่อความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทฯ มีกระบวนการควบคุมที่รัดกุมยิ่งขึ้น
บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับนโยบายการต่อต้านการทุจริต ทั้งในด้านการเผยแพร่แนวคิด การเปลี่ยนแปลงทัศนคติไปสู่การปฏิบัติ โดยเข้าร่วมการประกาศเจตนารมณ์เป็นแนวร่วมปฏิบัติ (Collective Action Coalition) ของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2556 บริษัทฯ ได้รับการรับรองเป็นสมาชิกของแนวร่วมปฎิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2558 และได้รับการจัดอันดับ Anti-Corruption ในระดับ 4
บริษัทฯ ได้จัดทำ "นโยบายต่อต้านคอร์รัปชั่น (Anti-corruption Policy)" เพื่อให้มีการบริหารจัดการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต อย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล และมีการดำเนินการเผยแพร่ สื่อสาร ให้กับผู้บริหารและพนักงานทุกระดับรับทราบและถือเป็นแนวทางปฏิบัติ
บริษัทฯ มีนโยบายสนันสนุน และเคารพในการปกป้องสิทธิมนุษยชนที่ประกาศในระดับสากล คณะกรรมการบริษัทฯ ให้ความสำคัญและถือเป็นนโยบายหลักในการดำเนินธุรกิจไปสู่ความยั่งยืน โดยคำนึงถึงการเคารพสิทธิมนุษยชนและเคารพต่อศักด์ศรีในความเป็นมนุษย์ของพนักงานทุกคน ซึ่งเป็นรากฐานของการดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณภาพและคุณค่า บริษัทฯ ตระหนักว่าพนักงานเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ จึงให้ความสำคัญในการปฏิบัติต่อพนักงานอย่างเป็นธรรม ทั้งในเรื่องการให้โอกาส ผลตอบแทน การแต่งตั้ง โยกย้าย และการพัฒนาศักยภาพควบคู่กับการพัฒนาคุณธรรม เพื่อให้พนักงานเป็นผู้มีความสามารถและเป็นคนดีของสังคม เช่น การจ้างงานที่เป็นธรรมสำหรับพนักงานและให้พนักงานได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมตามศักยภาพ ดูแลรักษาสภาพแวดล้อมและจัดระบบการทำงานให้พนักงานมีความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน มีสุขอนามัยที่ดี พัฒนาพนักงานเพื่อฝึกทักษะและเพิ่มพูนศักยภาพอย่างทั่วถึง และให้พนักงานรับทราบข่าวสารของบริษัทฯ อย่างสมํ่าเสมอ
บริษัทฯ ได้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2551 และได้รับการรับรองเกี่ยวกับมาตรฐานแรงงานไทย: มรท.8001 (Thai Labour Standard : TLS.8001) โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน ซึ่งประกอบด้วยเรื่อง การไม่ใช้แรงงานบังคับ, ค่าตอบแทนการทำงานที่ยุติธรรม, ชั่วโมงการทำงาน, การไม่เลือกปฏิบัติ, วินัย และการลงโทษ, เสรีภาพในการสมาคม และการร่วมเจรจาต่อรอง, ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน เป็นต้น โดยมีคณะทำงานระบบมาตรฐานแรงงานไทยคอยควบคุมดูแลและมีการประชุมคณะกรรมการเดือนละ 1 ครั้งเพื่อติดตามให้มั่นใจว่าจะไม่มีการกระทำผิดดังกล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับ และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด อย่างเสมอภาคและเป็นธรรม โดยเปิดโอกาสให้พนักงานมีช่องทางการร้องเรียน และแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ เพื่อเป็นแนวทางสู่การพัฒนาและจัดการที่ยั่งยืนขององค์กร
บริษัทฯ ปฏิบัติต่อพนักงานอย่างเป็นธรรมและมีความเสมอภาค ดังนี้
- เคารพสิทธิในการทำงานตามหลักสิทธิมนุษยชน: โดยการไม่เลือกปฏิบัติต่อการจ้างงาน ไม่บังคับให้บุคคลขาดความสมัครใจที่จะทำงาน ไม่ใช้แรงงานเด็ก เคารพในสิทธิและเสรีภาพของพนักงาน
- ให้ความคุ้มครองทางสังคมและสภาพการทำงานของพนักงาน: โดยกำหนดเงื่อนไขการจ้างที่เป็นธรรมและได้รับค่าตอบแทนและสวัสดิการอื่นที่เหมาะสมและเป็นไปตามกฎหมาย โดยหลีกเลี่ยงการกระทำที่ไม่เป็นธรรมที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงในหน้าที่การงานของพนักงาน หรือคุกคามและสร้างความกดดันต่อสภาพจิตใจของพนักงาน
- ให้ความคุ้มครองสุขภาพและความปลอดภัยในการทำงาน: ดูแลรักษาสภาพแวดล้อม และจัดระบบการทำงานให้พนักงานมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงมีสุขอนามัยที่ดี
ผู้บริหารให้ความสำคัญกับพนักงานทุกระดับให้ได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียมกัน ความก้าวหน้าของพนักงานในสายอาชีพขึ้นอยู่กับผลงานความสามารถ โดยใช้ระบบบริหารผลตอบแทนที่มั่นใจได้ว่า พนักงานจะได้รับผลตอบแทนที่เป็นธรรม บริษัทเปิดกว้างในการพัฒนาศักยภาพบุคลากรเพื่อความก้าวหน้าในวิชาชีพ สนับสนุนการมีส่วนร่วมของพนักงาน โดยมีช่องทางให้พนักงานแสดงความคิดเห็นผ่านระบบสื่อสารอินทราเน็ตภายในองค์กร และระบบการประเมินผลงาน นอกจากนี้ยังจัดสวัสดิการและกิจกรรมสันทนาการตามความสนใจของพนักงาน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี
บริษัทฯ เปิดกว้างสำหรับการพัฒนาและความก้าวหน้าในสายอาชีพทุกระดับชั้น โดยการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรนั้น มุ่งเน้นการฝึกอบรมในเชิง “การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง” เพื่อให้เกิดผลด้านพฤติกรรมที่คาดหวังอย่างชัดเจน ซึ่งจะฝึกอบรมพนักงานทั้งในด้านความรู้และทักษะเฉพาะด้าน เพื่อใช้ในการปฏิบัติงานตามหน้าที่ การฝึกอบรมทั่วไปเพื่อให้พนักงานสามารถเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมองค์กรได้อย่างรวดเร็ว ตลอดจนการฝึกอบรมทักษะและความสามารถที่องค์กรต้องการ โดยตลอดปี 2563 บริษัทฯ โดยฝ่ายทรัพยากรบุคคล ได้จัดการฝึกอบรมให้พนักงานของบริษัทฯ และบริษัทในเครืออย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลให้จำนวนชั่วโมงการฝึกอบรม และจำนวนพนักงานที่มีทักษะหลายด้าน (Multi-skill employee) มีเพิ่มมากขึ้น
ปี 2559 | ปี 2560 | ปี 2561 | ปี 2562 | ปี 2563 | |
---|---|---|---|---|---|
จำนวนชั่วโมงการฝึกอบรม (ช.ม/คน/ปี) | 73.50 | 62.52 | 73.57 | 31.73 | 13.71 |
พนักงานที่มีทักษะหลายด้าน (ร้อยละ) | 75.22 | 70.00 | 77.84 | 80.61 | 37.09 |
ในปี 2559 บริษัทฯ ได้รับการรับรอง มรท.8001-2553 ระดับสมบูรณ์ ขั้นริเริ่ม จากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน เพื่อแสดงว่าบริษัทฯ ได้ปฏิบัติเป็นไปตามมาตรฐานความรับผิดชอบทางสังคมของธุรกิจไทย มีผลตั้งแต่ วันที่ 15 สิงหาคม 2559 ถึง 14 สิงหาคม 2562
นอกจากนั้น บริษัทฯ ได้รับรางวัลสถานประกอบกิจการดีเด่นระดับประเทศ ประจำปี 2559 ด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน (จากกระทรวงแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน) ให้ไว้ ณ วันที่ 17 สิงหาคม 2559
ในปี 2560 บริษัทฯ ได้รับรางวัลสถานประกอบกิจการดีเด่น ระดับประเทศ ประจำปี 2560 ด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน 5 ปีติดต่อกัน (จากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน) ให้ไว้ ณ วันที่ 25 สิงหาคม 2560 และได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติ สถานประกอบกิจการที่สามารถธำรงรักษาระบบมาตรฐานแรงงานไทยได้อย่างต่อเนื่อง 5 ปี (จากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน) ให้ไว้ ณ วันที่ 25 สิงหาคม 2560
ในปี 2561 บริษัทฯ ได้รับรางวัลสถานประกอบกิจการดีเด่นระดับประเทศ ประจำปี 2561 ด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน 5 ปีติดต่อกัน (จากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน) ให้ไว้ ณ วันที่ 23 สิงหาคม 2561
และได้รับโล่ห์ประกาศเกียรติคุณสถานประกอบการสุขภาพดีมีสุข จากสมาคมพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม สำนักงานกองทุนสนับสนุนสร้างเสริมสุขภาพ เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2561
บริษัทฯ ได้เตรียมดำเนินการขอการรับรองระบบการจัดการอาชีวอนามัย และความปลอดภัย มาตรฐาน ISO 45001:2018 และได้รับการตรวจรับรองครั้งที่ 1 (SGS Audit Stage 1-Initial) เมื่อวันที่ 27 - 28 สิงหาคม 2562
ในปี 2562 บริษัทฯ ได้รับรางวัลสถานประกอบกิจการดีเด่นระดับประเทศ ประจำปี 2562 ด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน 5 ปีติดต่อกัน (จากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน) ให้ไว้ ณ วันที่ 9 กันยายน 2562
บริษัทฯ ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณสถานประกอบการสร้างเสริมสุขภาพ “แรงงานสุขภาพดี 4.0” จากสมาคมพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม (ส.พ.ส.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2562
บริษัทฯ ได้รับการรับรองระบบมาตรฐานแรงงานไทย มรท.8001:2553 ระดับสมบูรณ์ มีผลตั้งแต่ 16 ธันวาคม 2562 ถึง 15 ธันวาคม 2565 ซึ่งแสดงถึงความมุ่มมั่นของบริษัทฯ ในการปฏิบัติตามมาตรฐานแรงงานไทยอย่างต่อเนื่อง
บริษัทฯ ได้รับการรับรองระบบการจัดการอาชีวอนามัย และความปลอดภัย มาตรฐาน ISO 45001:2018 มีผลตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2563 ถึงวันที่ 6 มีนาคม 2566
ในปี 2563 บริษัทฯ ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติสถานประกอบกิจการดีเด่นระดับประเทศ ประจำปี 2563 ด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน 5 ปีติดต่อกัน (จากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน) ให้ไว้ ณ วันที่ 21 กันยายน 2563
คณะกรรมการบริษัทฯ ยังคงยึดหลักและดำเนินการตามนโยบายที่จะตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้า รวมไปถึงผู้บริโภคที่เป็นผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ให้สามารถมั่นใจได้ว่านอกจากจะได้รับสินค้า บริการที่มีราคาที่ยุติธรรม มีคุณภาพที่ดีที่สุดแล้ว บริษัทฯ ยังตระหนักถึงความปลอดภัยที่อาจส่งผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการกระทำที่เป็นการละเมิดหรือทำให้เสียสิทธิของของผู้บริโภค
ปัจจุบัน บริษัทฯ รวมถึงสำนักงานตัวแทนขายทุกแห่งของบริษัทฯ ทั่วโลก ได้รับการรับรองมาตรฐาน IATF 16949:2016 Edition 1 (6 กันยายน 2561 - 6 กันยายน 2564) ซึ่งเป็นระบบการจัดการคุณภาพของผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ โดยได้รับการตรวจสอบจากบริษัท SGS ประเทศไทย จำกัด ซึ่งได้รับการรับรองจาก IATF โดยทางบริษัทฯ ได้รับการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปีเพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทฯ ได้ดำเนินการตามนโยบายและปฏิบัติตามข้อกำหนดของระบบมาตรฐานคุณภาพอย่างเข้มงวด ส่วนการตรวจประเมินโดยลูกค้าในปี 2563 ซึ่งอยู่ในระหว่างสถานการณ์ระบาดของ COVID-19 มีลูกค้าบริษัท VALEO, APTIV, CONTINANTAL, SAGEM ได้ส่งตัวแทนเข้ามาตรวจประเมินหรือเป็นการ Remote Audit ผ่าน Video conference ซึ่งไม่พบความไม่สอดคล้องที่มีนัยสำคัญ
ในระหว่างปี 2563 บริษัทฯ ได้ทำ Customer Satisfaction Survey เพื่อประเมินความพึงพอใจของลูกค้าในด้านต่างๆ เช่น ในด้านเทคนิค คุณภาพ การส่งของตรงเวลา การตอบสนองในการแก้ปัญหา Logistics ความถูกต้องของเอกสาร และการสื่อสาร ซึ่งผลคะแนนจากการสำรวจอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ ในระดับ 70 - 80% และพบว่าภาพรวมของการประเมินความพึงพอใจของลูกค้า มีแนวโน้มความพึงพอใจเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบจากครั้งที่ผ่านมา
สำหรับปี 2563 บริษัทฯ มีเป้าหมายด้านคุณภาพ ดังนี้
- เป้าหมายในการผลิต อยู่ที่ 19,800,000 ตรฟ. ต่อปี
- ลดของเสียในกระบวนการผลิต โดยมีเป้าหมายอยู่ที่
- Inner layer < 0.39%
- Outer layer < 3.80%
- ลดการปฎิเสธ/คืน ของของลูกค้า (Customer Reject/Return) โดยมีเป้าหมายอยู่ที่
- Automotive < 0 ppm
- Overall < 0 ppm
- การส่งสินค้าทันเวลา (Delivery Performance) โดยมีเป้าหมายอยู่ที่
- Automotive = 100%
- Overall = 100%
ในปี 2563 บริษัทฯ ได้ดำเนินการด้านระบบมาตรฐานคุณภาพ ดังนี้
- การปรับปรุงระบบการบริหารจัดการด้านคุณภาพ มีการประเมินและจัดการกับความเสี่ยงขององค์กร รวมถึงจัดให้มีการตรวจประเมินภายใน (Internal Audit System) เพื่อติดตามผลการดำเนินงานของทุกส่วนงาน ให้ดำรงรักษาไว้ซึ่งความสอดคล้องตามข้อกำหนดของลูกค้า และมาตรฐานด้านคุณภาพ IATF16949
- มีการส่งเสริมให้จัดทำระบบ Paperless สำหรับการบันทึกและจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบสื่ออิเล็กทรอนิคส์ (Electronic records) เพื่อให้สามารถสอบกลับข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง และมีความปลอดภัยในการเก็บรักษาข้อมูลของบริษัทฯ
- การสอบเทียบ (Calibration) และวิเคราะห์ระบบการวัดของเครื่องมือวัด (Measurement system analysis; MSA) เพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องมือวัดที่ใช้วัดคุณภาพของผลิตภัณฑ์มีความถูกต้อง แม่นยำ และความผันแปรที่เกิดขึ้นในผลการวัดอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ตามข้อกำหนดของลูกค้า
- การฝึกอบรมพนักงานระดับหัวหน้างานตามข้อกำหนด เช่น APQP, PPAP, SPC, MSA, Risk management และ FMEA new version (AIAG & VDA) เพื่อให้พนักงานมีความรู้ความเข้าใจและมีความสามารถในการผลิตและควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ได้ตามข้อกำหนดของลูกค้า
บริษัทฯ ให้ความสำคัญและรักษาระบบมาตรฐานสิ่งแวดล้อมไว้อย่างเคร่งครัด ภายใต้ข้อกำหนดและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง มีนโยบายการผลิตที่ใช้พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติอย่างเต็มประสิทธิภาพโดยได้ลงทุนระบบการบำบัดมลพิษทางน้ำและทางอากาศ อีกทั้งโรงงานทุกแห่งของบริษัทฯ ตั้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรมซึ่งมีมาตรฐานในการป้องกันมลพิษและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
บริษัทฯ ได้กำหนดนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้บริหารและพนักงาน ดังนี้
นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม
บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและผู้ส่งออกแผ่นพิมพ์วงจรอิเล็กทรอนิกส์ มีความมุ่งมั่นที่จะจัดตั้งระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม โดยจะทำการปรับปรุงสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องในทุกประเด็นปัญหาและจะปฏิบัติตามนโยบาย ดังนี้
- ปฏิบัติตามกฎหมายสิ่งแวดล้อมและข้อกำหนดต่างๆที่เกี่ยวข้อง
- ลดปริมาณของเสียและลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ
- ป้องกันและควบคุมมลพิษให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
- ประเมินระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ทบทวนวัตถุประสงค์และเป้าหมายเพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม
- ส่งเสริมให้เกิดการสร้างจิตสำนึกต่อสิ่งแวดล้อม มีการสื่อสารไปยังพนักงาน ผู้รับเหมา ผู้ส่งสินค้า และสาธารณชน
บริษัทฯ มุ่งเน้นให้พนักงานทุกระดับมีส่วนร่วมในการดูแลสภาพแวดล้อมในพื้นที่ทำงานผ่านกิจกรรม 5ส ในส่วนของกระบวนการผลิต ได้ให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ตลอดจนมีมาตรการควบคุม บำบัด และตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อมทั้งภายในโรงงานและในพื้นที่ชุมชน เพื่อให้มั่นใจว่ากิจกรรมของบริษัทฯ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
บริษัทฯ ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO14001:2015 (28 มีนาคม 2563 - 28 มีนาคม 2566) ซึ่งเป็นมาตรฐานระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม ได้รับการตรวจประเมินจากบริษัท SGS ประเทศไทย จำกัด และมีการตรวจประเมินอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปีเพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทฯ ได้ดำเนินการตามนโยบายและปฏิบัติตามข้อกำหนดของระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด โดยในปี 2563 บริษัทจะได้รับการตรวจประเมินระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม 1 ครั้ง (Surveillance audit) ในเดือนกุมภาพันธ์
บริษัทฯ ได้รับการรับรองจาก Green Industry กระทรวงอุตสาหกรรม ว่าเป็น "อุตสาหกรรมสีเขียวระดับ 3" ระบบสีเขียว (Green System) มีการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ มีการติดตามประเมินผล และทบทวนเพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ออกให้ ณ วันที่ 24 สิงหาคม 2561 และมีผลถึงวันที่ 23 สิงหาคม 2564
ในปี 2563 บริษัทฯ มีเป้าหมายและกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม ดังนี้
- ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า
- เป้าหมาย: ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าในบริษัทฯ < 6.25 Kw.hr ต่อตารางฟุต
- ผลการปฏิบัติงาน: การใช้พลังงานไฟฟ้า = 6.84 Kw.hr ต่อตารางฟุต
- ลดการใช้น้ำในโรงงาน
- เป้าหมาย: ลดการใช้พลังงานน้ำในบริษัทฯ < 0.08 ลูกบาศก์เมตรต่อตารางฟุต
- ผลการปฏิบัติงาน: การใช้น้ำ = 0.11 ลูกบาศก์เมตรต่อตารางฟุต
- การใช้น้ำ Recycle
- เป้าหมาย: การ Recycle น้ำ > 43%
- ผลการปฏิบัติงาน: สามารถ Recycle น้ำ กลับมาใช้ได้ = 43.01%
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัทฯ ในรอบปีที่ผ่านมา ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องจากผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 ทำให้ปริมาณการผลิตลดลง จึงส่งผลให้อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าและการใช้น้ำต่อหน่วยการผลิต (ตารางฟุต) เพิ่มขึ้น ส่วนการปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมายและระเบียบข้อบังคับสากล รวมถึงข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมของลูกค้า มีความสอดล้องอย่างต่อเนื่อง
ในปี 2563 บริษัทฯ ได้ดำเนินการด้านระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม ดังนี้
- การปรับปรุงระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมของกลุ่มบริษัท โดยมีการแต่งตั้งทีมตรวจติดตามภายในระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมของ KCE Group เพื่อดำเนินการตรวจติดตามการปฏิบัติให้สอดคล้องตามข้อกำหนดของระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม และเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมอง แนวทางในการจัดการทางด้านสิ่งแวดล้อมของทั้ง 3 โรงงาน
- มีการส่งเสริมให้จัดทำระบบ Paperless สำหรับการบันทึกและจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบสื่ออิเล็กทรอนิคส์ (Electronic records) เพื่อช่วยลดปริมาณการใช้กระดาษของทุกๆ หน่วยงานในบริษัทฯ
- มีการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Roof-Top) ซึ่งเป็นพลังงานสะอาด ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและช่วยลดภาวะโลกร้อน และในปี 2564 จะมีการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้นอีก
- มีการศึกษาและเก็บข้อมูลเกี่ยวกับ Carbon Footprint หรือ CO2 emission จากกระบวนการผลิตและกิจกรรมสนับสนุนต่างๆ ภายในบริษัทฯ เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการวัดผลการจัดทำโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอนาคต ซึ่งเป็นแนวโน้มด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญของโลก ประเทศไทย รวมถึงลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้ายานยนต์
- การซื้อวัตถุดิบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมีการควบคุมการใช้สารต้องห้ามในวัตถุดิบสอดคล้องกับข้อกำหนด ตามระเบียบข้อบังคับ RoHS 3 (EU Directive 2015/863), Packaging Directive (Directive 94/62/EC), End-of-Live Vehicle or ELV (Directive 2000/53/EC), REACH and Substance of Very High Concern (SVHC) (Directive 1907/2006/EC) และ Global Automotive Declarable Substance List (GASL) รวมถึง Conflict Minerals เพื่อส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- ผลิตภัณฑ์ PCB เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทางบริษัทฯ ได้มีการควบคุมกระบวนการผลิตและผลิตภัณฑ์ ตามระเบียบข้อบังคับ RoHS 3 (EU Directive 2015/863) โดยการส่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์ PCB เพื่อทดสอบหาสารต้องห้าม (Restricted hazadous substances) ทุกปี โดยห้องปฎิบัติการทดสอบภายนอกที่ได้รับการรับรอง
- การจัดกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมประจำปี 2563 ในงานสัปดาห์ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีการจัดขึ้นในเดือนธันวาคม โดยมีการจัดกิจกรรมเกมตอบคำถามชิงรางวัล และบอร์ดนิทรรศการด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การคัดแยกขยะ การลดภาวะโลกร้อน การสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล และการจัดการสารเคมีที่ถูกต้อง เป็นต้น เพื่อเป็นการให้ความรู้และสร้างความตระหนักถึงจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมแก่พนักงาน
ตารางสรุปการตรวจวัดด้านสิ่งแวดล้อม ประจำปี 2563
คุณภาพสิ่งแวดล้อม | ปี 2563 | เกณฑ์ตามกฏหมาย | |
---|---|---|---|
ม.ค. - มิ.ย. | ก.ค. - ธ.ค. | ||
คุณภาพอากาศจากปล่องระบาย | |||
ปริมาณการปล่อย CO (ppm) | 4.21 | 4.21 | 690 |
ปริมาณการปล่อย CO (ppm) | 36.00 | 42.30 | 200 |
ปริมาณการปล่อย Sox (ppm) | 63.96 | <1.3 | 60 |
Particulate (mg/Nm3) | 2.15 | 8.09 | 400 |
คุณภาพเสียง | |||
ระดับเสียงเฉลี่ย 8 ชม. | 81.70 | 85 | |
ระดับเสียงสุงสุด | 99.30 | 140 | |
ปริมาณกากอุตสาหกรรม | |||
ปริมาณกากอุตสาหกรรมที่ไม่อันตราย (ต่อปี) | 3,347 ตัน/ปี | ฝังกลบและRecycleอย่างถูกวิธี | |
ปริมาณกากอุตสาหกรรมที่อันตราย (ต่อปี) | 3,201 ตัน/ปี | ส่งกำจัดหน่วยงานที่ได้รับอนุญาต |
การจัดซื้อ จัดหาอย่างยั่งยืน
ในหลายอุตสาหกรรมทั่วโลก การเคลื่อนไหวไปสู่การจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืนกำลังได้รับแรงผลักดันและการยอมรับในวงกว้าง แนวคิดนี้สร้างขึ้นจากการจัดซื้อที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมแต่กำหนดความคาดหวังเพิ่มเติมสำหรับคู่ค้าทางธุรกิจที่สำคัญและซัพพลายเออร์ในการดำเนินงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน แนวปฏิบัติด้านแรงงานที่เป็นธรรม และธรรมาภิบาล KCE Electronics Public Company Limited (KCE) เป็นบริษัทการค้าระหว่างประเทศ ที่ลูกค้า ซัพพลายเออร์ ผู้ให้บริการ และพันธมิตรทางธุรกิจ ได้ให้ความไว้วางใจบนพื้นฐานของความเป็นหุ้นส่วนที่ได้รับความเชื่อถือมาเป็นเวลานาน ความมั่นคงขององค์กร และความพยายามมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น บริษัทจึงมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทได้ถูกผลิตขึ้นตามมาตรฐานสากลสูงสุด
การบริหารห่วงโซ่อุปทาน
SUPPLY CHAIN MANAGEMENT
KCE มีความมุ่งมั่นอย่างมากในการวางกลยุทธ์สำหรับกลยุทธ์การจัดซื้อที่มุ่งเน้นไปที่คุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการ กำหนดกระบวนการบริหารความเสี่ยงที่ครอบคลุมด้านสิ่งแวดล้อมสังคมและธรรมาภิบาล (ESG) เพื่อให้การบริหารจัดการสอดคล้องกับระดับความเสี่ยงโดยคำนึงถึงคุณภาพ ปริมาณ ผลิตภัณฑ์และบริการ ตลอดจนการปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน กฎหมายสิ่งแวดล้อมและระบบการจัดการคุณภาพอื่นๆ เพื่อปกป้องและลดความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพ ปริมาณการส่งมอบผลิตภัณฑ์ และบริการ และความไว้วางใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อการดำเนินงานของบริษัท KCE ยังจัดทำ KCE’s Supplier Sustainable Code of Conduct (COC) สำหรับซัพพลายเออร์ เอกสารดังกล่าวมีเนื้อหาครอบคลุมประเด็นต่างๆ เช่นจริยธรรมทางธุรกิจ สิทธิมนุษยชน อาชีวอนามัยและความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม
สิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบทางสังคม และ ธรรมาภิบาลสำหรับคู้ค้า
ENVIRONMENTAL, SOCIAL GOVERNANCE (ESG) &SUPPLIER CODE OF CONDUCT
KCE ได้ระบุความคาดหวังเกี่ยวกับการจัดการด้าน ESG ของซัพพลายเออร์ใน KCE Group ผ่านหลักจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจ (COC) เราคาดหวังว่าการปฏิบัติตาม COC อย่างสมบูรณ์ไม่เพียงแต่ AVL (รายชื่อผู้จำหน่ายที่ได้รับอนุมัติ) แต่รวมถึงซัพพลายเออร์ทั้งหมดด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าซัพพลายเออร์เข้าใจ COC อย่างถ่องแท้ KCE ยังสื่อสารกับซัพพลายเออร์ผ่านเว็บไซต์ KCE “ นโยบายการจัดซื้อที่ยั่งยืน” บริษัทได้บรรลุเป้าหมายการรับรู้ COC ของ AVL ซัพพลายเออร์ ถึง 76% จากทั้งหมด ดังที่แสดงด้านล่าง:
การค้ามนุษย์
HUMAN TRAFFICKING
ตามพระราชบัญญัติทาสสมัยใหม่ของสหราชอาณาจักร ปี2015 และพระราชกำหนดของประเทศไทยที่แก้ไขพระราชบัญญัติต่อต้านการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2558 พ.ศ. 2551 2562 ("พระราชบัญญัติ") KCE ดำเนินการตาม "นโยบายแร่ที่มีความขัดแย้ง" ซึ่งห้ามการใช้ทังสเตน แทนทาลัมดีบุก ทองคำ (3TG) และโคบอลต์ที่ขุดได้จากประเทศที่ล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชนตามการปฏิรูปและผู้บริโภคของ Dodd-Frank Wall Street หรือที่เรียกว่า พระราชบัญญัติคุ้มครอง (“ Dodd-Frank Act) บริษัทได้ร้องขอให้ซัพพลายเออร์ AVL ชี้แจงที่มาของแร่ 3TG รวมทั้งลงนามใน “ข้อตกลงการไม่ใช้แร่ที่มีความขัดแย้ง” โดย KCE ได้รับการตอบกลับแบบฟอร์มรายงานแร่ที่มีความขัดแย้ง (CMRT) ประมาณ 72% ของ AVL ซัพพลายเออร์
Logistics เพื่อสิ่งแวดล้อม
GREEN LOGISTIC
KCE ได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการโลจิสติกส์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริหารต้นทุนการขนส่ง การจัดส่งแบบรวม การบรรทุกเต็มรูปแบบ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ การบรรจุหีบห่อ และการเลือกเส้นทางการจัดส่งที่เหมาะสมที่สุด บริษัทสนับสนุนให้ซัพพลายเออร์ของบริษัท ใช้ e-invoice และ e-document ให้มากที่สุดเพื่อประหยัดทรัพยากรธรรมชาติ และช่วยลดก๊าซเรือนกระจกจากการขนส่งทางไกล ส่วนวัสดุประเภทบรรจุภัณฑ์ต่างๆ เช่น พาเลทไม้ กระดาษสำหรับบรรจุ กระดาษมุมกล่อง และ กล่องกระดาษ ทั้งหมดผลิตจากส่วนประกอบรีไซเคิล 100%
บริษัทฯ ร่วมพัฒนาชุมชนหรือสังคม โดยสนับสนุนพนักงานกลุ่มจิตอาสา ร่วมเป็นคณะทำงานในโครงการต่างๆ ทั้งที่เป็นโครงการต่อเนื่อง และโครงการระยะสั้น
สำหรับโครงการระยะสั้น ได้แก่ การมอบสิ่งของและเงินสนับสนุน รวมทั้งจัดกิจกรรมสันทนาการให้แก่ ผู้ด้อยโอกาส วัด โรงเรียนและสถานที่ราชการ เป็นต้น
วันที่ 8 มกราคม 2563 ทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง ถวายกองผ้าป่า วัดสุทธาโภชน์
วันที่ 11 มกราคม 2563 มอบอุปกรณ์การเรียนและของขวัญวันเด็กให้กับโรงเรียน หน่วยงานราชการ จำนวน 12 แห่ง
- โรงเรียนวัดลาดกระบัง
- โรงเรียนสุเหร่าคลอง 17
- โรงเรียนวัดทรัพย์สโมสร
- โรงเรียนวัดปากบึง
- โรงเรียนวัดปลูกศรัทธา
- ชุมชนร่มเกล้า
- โรงเรียนสุเหร่าใหม่
- ชุมชนทิวสนร่วมจิตมณียา
- โรงเรียนหนองจอกพิทยานุสรณ์
- ชุมชนมิตรสามัคคีฟื้นนครร่มเกล้า
- โรงเรียนบ้านลำต้นกล้วย
- สำนักงานนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง
บริษัทฯ ดำเนินโครงการ KCE New Plant เพื่อขยายกำลังการผลิตรองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้า และสร้างโอกาสในการดำเนินธุรกิจ ด้วยตระหนักถึงการดำเนินธุรกิจให้มีการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน จึงได้วางโครงสร้างการออกแบบโครงการโดยคำนึงถึงนวัตกรรมที่สามารถช่วยประหยัดการใช้พลังงานด้านต่างๆ ได้แก่ ไฟฟ้า น้ำ ลม โดยต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยใช้หลักการอาคารอนุรักษ์พลังงาน Green Building คือมุ่งเน้นให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ตามเกณฑ์การประเมินของระบบ Leadership in Energy & Environment Design (LEED) โดยมีรายละเอียดดังนี้
- นำเทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสียที่มีความทันสมัยมาใช้เพื่อลดการใช้น้ำ โดยการนำน้ำเสียจากกระบวนการผลิตมาบำบัดและหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่โดยเทคโนโลยีที่ทำให้น้ำสะอาด เรียกว่า ระบบรีเวิร์ส ออสโมซิส (Reverse Osmosis, RO) ใช้เมมเบรนในการกรองเพื่อให้ได้น้ำที่มีความบริสุทธิ์ สามารถนำน้ำ Recycle กลับมาใช้ในกระบวนการผลิตได้มากกว่า 40%
- การใช้ LED lighting สำหรับพื้นที่ปฏิบัติงาน ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยประหยัดการใช้ไฟฟ้า
- การติดตั้ง Sprinkler provision ตามมาตรฐานของสมาคมป้องกันอัคคีภัยแห่งชาติ National Fire Protection Association(NFPA)
- การใช้ระบบดับเพลิงอัตโนมัติในพื้นที่เฉพาะ เช่น ห้องควบคุมระบบไฟ ที่ไม่ใช้สารทำลายชั้นบรรยากาศ
- สร้างระบบบำบัดน้ำเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิตตามข้อบังคับของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมและไม่ก่อให้เกิดมลพิษแก่ชุมชนใกล้เคียง
- ระบบทำความเย็นที่มีประสิทธิภาพสูงในการช่วยลดผลกระทบต่อชั้นบรรยากาศ ตามการประเมินระบบมาตรฐานอาคารอนุรักษ์พลังงาน ของ Leadership in Energy & Environment Design(LEED)
- การใช้อุปกรณ์ประหยัดพลังงานในการปรับความเร็วรอบ VSD (Variable Speed Drive) โดยนำมาติดตั้งกับ ปั๊มน้ำและเครื่องส่งลมเย็น
- การนำระบบบริหารจัดการอาคาร Building Management System (BMS) ที่เชื่อมต่อ ควบคุม และบริหารจัดการทางวิศวกรรม งานระบบต่างๆภายในอาคารโรงงาน รวมถึงช่วยตรวจวัด และควบคุมการใช้พลังงานของเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆเพื่อก่อให้เกิดการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
- การนำระบบ Chiller Plant Manager มาใช้สำหรับการจัดการและควบคุม เครื่องทำน้ำเย็นและปั๊มให้เกิดการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดอันนำไปสู่การช่วยประหยัดการใช้พลังงาน
- อุปกรณ์สำหรับทำความสะอาดท่อคอนเดนเซอร์ ชนิดลูกบอล เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน ลดการใช้น้ำยาเคมีในการทำความสะอาด
- การใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่มีระบบการทำงานสำรองสำหรับอุปกรณ์ความปลอดภัย
การดำเนินงานและการจัดทำรายงาน
การดำเนินงานปี 2563
บริษัทฯ มุ่งเน้นที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้า ปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ และพัฒนานวัตกรรมเพื่อการประหยัดพลังงานด้านต่างๆ ด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะนำไปสู่ความเจริญเติบโตขององค์กรอย่างยั่งยืน จึงได้กำหนดนโยบายในการพัฒนานวัตกรรมอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม และนำไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง โดยมีหน่วยงานที่ทำการวิจัยและพัฒนา (Technology Development) เพื่อทดสอบ พัฒนา และดำเนินการวิจัยพัฒนา ดังนี้
- การพัฒนากระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: จัดทำโครงการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และลดการใช้พลังงาน
- การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: ลดการใช้พลังงานในกระบวนการผลิต รวมถึงเป็นการเพิ่มคุณภาพของสินค้า
แผนการดำเนินงานปี 2564
บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้องค์กรในระยะยาวด้วยการพัฒนาและต่อยอดความรู้ใหม่ๆ เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางความคิด การผลิต กระบวนการทำงานให้เจริญก้าวหน้า ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า มีต้นทุนที่เหมาะสม และสร้างความสามารถในการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การจัดทำรายงาน
บริษัทฯ ได้รายงานสรุปกิจกรรมโครงการความรับผิดชอบต่อสังคมไว้เป็นส่วนหนึ่งในรายงานประจำปีเพื่อเผยแพร่แนวคิด และผลงานกิจกรรมด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมของบริษัทฯ แก่ผู้ถือหุ้น สถานศึกษา สถาบันต่างๆ และผู้สนใจ โดยได้เผยแพร่ในเว็บไซต์ของบริษัทฯ ที่ www.kce.co.th
การดำเนินธุรกิจที่มีผลกระทบต่อความรับผิดชอบต่อสังคม
ในปี 2563 บริษัทฯไม่มีข้อพิพาทใดๆ อันเนื่องมาจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่เกี่ยวกับกฎหมายสิ่งแวดล้อมและสังคม และไม่ถูกกล่าวหาว่ามีผลกระทบด้านลบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม
กิจกรรมเพื่อประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
บริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญและความรับผิดชอบที่มีต่อชุมชน สังคม ศาสนา วัฒนธรรม ทรัพยากร ธรรมชาติและประโยชน์สาธารณชน พร้อมทั้งส่งเสริมและปลูกจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคมในหมู่พนักงานทุกระดับ บริษัทฯ ได้จัดสรรงบประมาณที่ใช้ในโครงการความรับผิดชอบต่อสังคม โดยให้ความสำคัญกับโครงการระยะยาว ที่จะมีส่วนช่วยพัฒนาสังคมได้อย่างยั่งยืน กิจกรรมหลัก ที่บริษัทฯ ให้การสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การสนับสนุนการศึกษาแก่เยาวชน คุณครู และโรงเรียน การส่งเสริมผู้ด้อยโอกาส และการส่งเสริมชุมชนให้พัฒนาศักยภาพให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ การส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม บริษัทฯได้จัดกิจกรรมด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมในหลากหลายรูปแบบ เน้นการทำกิจกรรมเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจพอเพียง การพัฒนามาตรฐานการศึกษาของเยาวชน การพัฒนาด้านสุขภาพกายและใจ ส่งเสริมพัฒนาการด้านศิลปะและการเล่นกีฬา
ในปี 2563 บริษัทฯ และพนักงานได้ร่วมกันทำกิจกรรมเพิ่อสังคม และชุมชน ดังนี้
กิจกรรม 1 : กิจกรรมมอบถุงยังชีพเพื่อบรรเทาทุกข์ช่วงสถานการณ์ COVID-19 ณ. ชุมชนวัดคลองนิมิตร ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ ในวันเสาร์ ที่ 9 พฤษภาคม 2563
จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดการแพร่ระบาดทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อชีวิตผู้คนในทุกๆด้าน เกิดผลกระทบในลักษณะวิกฤตการณ์เศรษฐกิจทั่วโลก ที่สำคัญคือเกิดการเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตของผู้คน เกิดสภาวะการว่างงาน การอดอยากขัดสนมากขึ้น ทางกลุ่มบริษัทฯ จึงเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ของพี่น้องคนไทยในช่วงวิกฤตการณ์ดังกล่าว โดยการจัดถุงยังชีพจำนวน 150 ชุด ที่ประกอบด้วยข้าวสาร อาหารแห้ง ยารักษาโรค ขนม อุปกรณ์เครื่องใช้ส่วนตัว ข้าวกล่อง น้ำดื่ม และหน้ากากผ้า นำไปมอบให้กับพี่น้องชาวไทยที่อาศัยอยู่ในชุมชนวัดคลองนิมิตร ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ ในวันเสาร์ ที่ 9 พฤษภาคม 2563
ชุมชนวัดคลองนิมิตร ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากที่ว่าการอำเภอบางเสาธงประมาณ 3 กิโลเมตร และห่างจากศาลากลางจังหวัดประมาณ 33 กิโลเมตรมีประชากรอาศัยอยู่ในเขตเทศบาลตำบลบางเสาธงทั้งหมด 22,566 คนแบ่งเป็นชาย 10,380 คน หญิง 11,683 คนมีสถานศึกษาอยู่ในพื้นที่ทั้งหมดจำนวน 11 แห่ง ประชากรในชุมชนส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพในโรงงานอุตสาหกรรม โดยได้รับค่าจ้างขั้นต่ำตามกฎหมายแรงงาน รองลงมาเป็นลูกจ้างบริษัทเอกชน อาชีพค้าขาย ส่วนใหญ่จะทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมที่กระจายอยู่บนสองฝั่งของถนนบางนา-ตราด ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้แรงงาน แต่ก็มีบางส่วนที่ทำมากินแบบกึ่งอิสระเช่น รับงานจากโรงงานมาทำที่บ้าน ได้แก่ เย็บเสื้อผ้า ขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เข็นรถขายอาหารคาวหวานในตลาดสด ตลาดนัด และบริเวณหน้าโรงงาน
กิจกรรม 2 : กิจกรรมมอบถุงยังชีพเพื่อบรรเทาทุกข์ช่วงสถานการณ์ COVID-19 ณ. ชุมชนวัดลอดช่อง ตำบลบ้านป้อม อำเภอเมือง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในวันเสาร์ ที่ 16 พฤษภาคม 2563
กลุ่มบริษัท เคซีอี ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการให้ความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์พี่น้องชาวไทยในช่วงสถานการณ์โควิด- 19 โดยได้นำถุงยังชีพที่ประกอบด้วยข้าวสาร อาหารแห้ง อาหารกระป๋อง ยารักษาโรค ยาสีฟัน แปรงสีฟัน สบู่ แชมพู น้ำดื่ม ข้าวกล่อง และหน้ากากผ้า ทั้งหมดจำนวน 150 ชุดไปแจกจ่ายให้กับผู้ยากไร้ใน ดำบลบ้านป้อม อำเภอเมือง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในวันเสาร์ ที่ 16 พฤษภาคม 2563 โดยไปแจกตามหมู่บ้านต่างๆเขตตำบลบ้านป้อม ดังนี้
- หมู่บ้านมะขามเทศ
- หมู่บ้านราชพลี
- หมู่บ้านวัดพระงาม
- หมู่บ้านวัดลอดช่อง
- หมู่บ้านป้อม
- หมู่บ้านวัดสนามไชย
- หมู่บ้านวัดธรรมาราม
- หมู่บ้านโรงลาด
ตำบลบ้านป้อมตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีพื้นที่ความรับผิดชอบจำนวน 11 หมุ่บ้าน จำนวนประชากรรวม 7,090 คนเป็นชาย 3,363 คน หญิง 3,727 คนจำนวนครัวเรือนรวมทั้งสิ้น 2,461 ครัวเรือน มีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ 1 แห่ง มีสถานศึกษาระดับประถม 2 แห่ง ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 2 แห่ง โรงเรียนระดับอนุบาล 1 แห่ง ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนา ทำสวน ทำไร่ เลี้ยงโค กระบือ ขายของตามตลาดนัด และรับจ้างบริษัทเอกชน โรงงานอุตสาหกรรม ทั่วไป
กิจกรรม 3 : โครงการ “เคซีอี ร่วมต้านภัยหนาว เพื่อน้องบนดอย” โดยการมอบทุนการศึกษา ผ้าห่ม เสื้อกันหนาว เครื่องเขียน อุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา เครื่องกรองน้ำ อุปกรณ์ทำครัว ให้กับเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านช่างหม้อ ตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ในวันเสาร์ ที่ 21 พฤศจิกายน 2563
จากสภาพอากาศบนภูเขาที่อุณหภูมิลดลงอย่างต่อเนื่อง มีลมพัดแรงตลอดเวลาเพราะพื้นที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล จนบางพื้นที่ต้องประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติหนาวทั้งอำเภอ ทำให้นักเรียนชาวเขาต้องเผชิญกับความหนาวเย็น แต่ด้วยความที่ชาวบ้านมีฐานะยากจน ขาดแคลนเครื่องกันหนาว รวมทั้งเครื่องนุ่งห่ม ทางกลุ่มบริษัท เคซีอี จึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้กับน้องๆบนดอย โรงเรียนบ้านช่างหม้อ ตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ในวันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2563 โดยได้จัด “โครงการ เคซีอี ร่วมต้านภัยหนาว เพื่อน้องบนดอย” โดยการมอบทุนการศึกษา และนำสิ่งของไปบริจาคให้กับเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านช่างหม้อ อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ดังนี้
- มอบทุนการศึกษาจำนวน 20,000 บาท
- ถาดหลุมอาหารจำนวน 80 ถาด
- ผ้าห่มจำนวน 100 ผืน
- อุปกรณ์กีฬา
- เสื้อกันหนาวจำนวน 80 ตัว
- เครื่องกรองน้ำ
- ชุดเครื่องเขียน จำนวน 80 ชุด
- ขนม และของเล่นอื่นๆ
- ชุดหม้อ กะทะ อุปกรณ์ทำครัวอื่นๆ
โรงเรียนบ้านช่างหม้อ ตั้งอยู่บนพื้นที่สูง ทุรกันดารเขตพื้นที่บ้านช่างหม้อ ตำบลป่าแป๋ ระยะทางห่างจากอำเภอแม่สะเรียง 93 กิโลเมตร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแม่ฮ่องสอนเขต 2 เปิดสอนระดับชั้นปฐมวัยถึงชั้นประถม ศึกษาปีที่ 6 มีเขตพื้นที่บริการ 3 หมู่บ้านได้แก่ บ้านช่างหม้อ บ้านละแวก และบ้านอมแรด มีเด็กนักเรียนทั้งหมดจำนวน 72 คน ประชากรในเขตพื้นที่บ้านช่างหม้อ ตำบลป่าแป๋มีทั้งหมด 39 ครอบครัวจำนวน 248 คนแบ่งเป็น ชาย 131 คน หญิง 117 คน เป็นชาวเขาเผ่าละว้าและกะเหรี่ยง ประกอบอาชีพทำสวน ทำนา เลี้ยงสัตว์ ส่วนใหญ่เลี้ยงไว้เป็นอาหาร ใช้ประกอบพิธีกรรมต่างๆเช่น ไก่ หมู ฯลฯ นับถือศาสนาพุทธ และคริสต์ จะประกอบพิธีกรรมแบบความเชื่อดั้งเดิม ประชากรส่วนใหญ่ในหมู่บ้านจะไม่ค่อยรู้หนังสือ ยังให้ความสำคัญกับการศึกษาน้อย
กิจกรรม 4 : กิจกรรมบริจาคถุงยังชีพ น้ำดื่ม หน้ากากผ้าให้กับชาวบ้านผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วม บ้านประตูชัย (คุ้มวังกุ่ม) และชาวบ้าน หมู่บ้านบ้านขาม, หมู่บ้านบ้านกอก, หมุ่บ้านบ้านในเมือง, หมู่บ้านบ้านส่วย ณ วัดป่าบ้านขาม อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ในวันเสาร์ ที่ 28 พฤศจิกายน 2563
จากสถานการณ์ฝนตกหนักและผลกระทบจากพายุโนอึลในเขตพื้นที่หลายอำเภอในจังหวัดโคราช ช่วงเดือนกันยายนและตุลาคม 2563 ส่งผลให้เกิดอุทกภัยน้ำท่วมในหลายๆพื้นที่ ทำให้ประชาชนที่อยู่อาศัยในเขตพื้นที่ 10 อำเภอ ไร่นา สวน ถนน สิ่งสาธารณูปโภคได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตอำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมาทุกพื้นที่ 12 ตำบล 437 หลังคาเรือน 31 หมู่บ้าน 6 ตำบล พื้นทื่การเกษตร 3,562 ไร่ ก็เป็นพื้นที่ ที่ได้รับความเสียหายจากประสบอุทกภัยน้ำท่วมในครั้งนี้
กลุ่มบริษัท เคซีอี จึงร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยน้ำท่วมในครั้งนี้ โดยการนำถุงยังชีพที่บรรจุข้าวสาร อาหารแห้ง บะหมี่สำเร็จรูป ปลากระป๋อง ยารักษาโรค ขนม และอื่นๆ จำนวน 250 ชุด น้ำดื่มจำนวน 24 โหล หน้ากากผ้าจำนวน 250 ชุด ไปแจกให้กับชาวบ้านในเขตพื้นที่บ้านประตูชัย (คุ้มวังกุ่ม) และชาวบ้านในหมู่บ้านบ้านขาม บ้านกอก บ้านในเมือง บ้านส่วย โดยแจก ณ วัดป่าบ้านขาม อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ในวันเสาร์ ที่ 28 พฤศจิกายน 2563
หมู่บ้านบ้านประตูชัย บ้านขาม บ้านกอก บ้านในเมือง บ้านส่วย ตั้งอยู่ในเขตอำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 4,515 ครัวเรือน รวม 3,730 คนแบ่งเป็นชาย 1,839 คน หญิง 1,791 คนสภาพภูมิประเทศเป็นที่ราบลาดเขา สภาพดินส่วนใหญ่เป็นดินร่วนปนทราย ประชากรในพื้นที่ส่วนใหญจึงมีอาชีพเกษตรกรรมทำนา และทำไร่มันสำปะหลัง และปลูกยูคาลิปตัส ซึ่งส่วนใหญ่ใช้น้ำฝนและแหล่งน้ำธรรมชาติทำการเกษตร ซึ่งถ้าหากปีใดฝนไม่ตกหรือปริมาณน้ำฝนไม่เพียงพอก็จะเกิดปัญหาภัยแล้ง
กิจกรรม 5: กิจกรรม ”เคซีอี ปันสุข ใส่ใจผู้สูงอายุ” ณ บ้านศิริวัฒนธรรม ตำบลดอนกรวย อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี ในวันเสาร์ ที่ 19 ธันวาคม 2563
ทางกลุ่มบริษัท เคซีอี ได้นำข้าวสาร ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ เครื่องอุปโภคบริโภคอื่นๆ และเงินช่วยเหลือไปมอบให้กับ บ้านศิริวัฒนธรรม ที่ตั้งอยู่ในตำบลดอนกรวย อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นบ้านที่ให้การช่วยเหลืออุปการะคนชราไร้ญาติมาดูแลกว่า 50 ชีวิต อายุระหว่าง 61-89 ปี เป็นผู้ป่วยติดเตียง 12 คน และดูแลตนเองได้ประมาณ 30-32 คน โดยอุปกรณ์และของที่นำไปมอบให้ มีดังนี้
- เงินบริจาค 20,000 บาท
- ข้าวสาร 10 กระสอบ
- ผ้าอ้อมผู้ใหญ่
- กระดาษทิชชู่เปียก
- สบู่ ยาสระผม แป้งเด็ก ครีมถนอมผิว
- เครื่องปรุงรสในการทำอาหารเช่น ซอสน้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว
- ขนม และอื่นๆ
บ้านศิริวัฒนธรรม เป็นบ้านที่รับอุปการะคนชราไร้ญาติมานานถึง 10 ปี เป็นบ้านของคุณกล้าและคุณนารี ศิริวัฒนธรรม ที่เริ่มจากการรับจ้างดูแลผู้ป่วยที่โรงพยาบาลดำเนินสะดวก และพอนานวันญาติผู้ป่วยก็หายไปและไม่มาเยี่ยมอีกเลย เมื่อไม่ได้รับค่าจ้าง และคนป่วยไม่มีใครดูแล ด้วยความสงสารจึงนำมาดูแลเองที่บ้าน โดยได้ประสานงานกับทางโรงพยาบาลดำเนินสะดวก ต่อมามีคนทราบข่าวว่ามีสถานที่รับดูแลคนป่วย จึงมีคนนำมาให้ดูแลเพิ่มเรื่อยๆ บางรายแรกๆ ก็มีญาติมาเยี่ยมและส่งข้าวของเงินทองให้บ้าง ต่อมาก็เงียบหายไปเลย จนปัจจุบันนี้มีคนชราอยู่ในความดูแลทั้งหมด 50 กว่าคน
บ้านศิริวัฒนธรรม ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ตำบลดอนกรวย อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรีมีประชากรทั้งสิ้นจำนวน 15,334 คนแยกเป็นชาย 7,326 คนและหญิง 8,008 คน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกร รับจ้าง และค้าขาย มีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในเขตพื้นที่กระทรวงสาธารณสุขจำนวน 2 แห่ง