การกำกับดูแลกิจการ
โครงสร้างการบริหารของบริษัท
ประกอบด้วยคณะกรรมการจำนวน 6 ชุด ได้แก่ คณะกรรมการบริษัท คณะกรรมการบริหาร คณะกรรมการตรวจสอบ คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน คณะกรรมการกำกับดูแลสิ่งแวดล้อม สังคม บรรษัทภิบาล และการพัฒนาอย่างยั่งยืน และคณะกรรมการนโยบายการบริหารความเสี่ยงองค์กร โดยมี รายชื่อ และขอบเขต อำนาจ และหน้าที่ ดังนี้
1) คณะกรรมการบริษัทฯ
ประกอบด้วยกรรมการ 9 ท่าน โดยมีองค์ประกอบดังนี้
- ประธานกรรมการ ซึ่งไม่ได้เป็นบุคคลเดียวกับกรรมการผู้จัดการ เพื่อให้มีการแบ่งแยกบทบาทอย่างชัดเจนและมีการถ่วงดุลอำนาจในการดำเนินงาน
- กรรมการอิสระ 3 ท่าน หรือเท่ากับ 1 ใน 3 ของจำนวนกรรมการทั้งหมด ซึ่งเป็นสัดส่วนตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
- กรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหาร 5 ท่าน และกรรมการที่เป็นผู้บริหาร 4 ท่าน
รายชื่อและตำแหน่งคณะกรรมการบริษัท
1. นายบัญชา องค์โฆษิต(1) | ประธานกรรมการ, ประธานกรรมการบริหาร |
2. ดร. ปัญจะ เสนาดิสัย | รองประธานกรรมการ, กรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน, กรรมการนโยบายการบริหารความเสี่ยงองค์กร |
3. นายไพฑูรย์ ทวีผล | กรรมการอิสระ, ประธานคณะกรรมการตรวจสอบ, ประธานคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน, กรรมการนโยบายการบริหารความเสี่ยงองค์กร, กรรมการกำกับดูแลสิ่งแวดล้อม สังคม บรรษัทภิบาลและการพัฒนาอย่างยั่งยืน |
4. แพทย์หญิงจันทิมา องค์โฆษิต | กรรมการ |
5. นางวรลักษณ์ องค์โฆษิต(1) | กรรมการ, รองประธานกรรมการบริหาร, กรรมการกำกับดูแลสิ่งแวดล้อม สังคม บรรษัทภิบาลและการพัฒนาอย่างยั่งยืน |
6. นางศิริพรรณ สันธนะพันธ์(1) | กรรมการ, กรรมการบริหาร, ประธานคณะกรรมการกำกับดูแลสิ่งแวดล้อม สังคม บรรษัทภิบาล และการพัฒนาอย่างยั่งยืน |
7. นายพิธาน องค์โฆษิต(1) | รองประธานกรรมการ, ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, ประธานคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงระดับจัดการ, กรรมการนโยบายการบริหารความเสี่ยงองค์กร |
8. นายครรชิต บุนะจินดา | กรรมการอิสระ, กรรมการตรวจสอบ, ประธานคณะกรรมการนโยบายการบริหารความเสี่ยงองค์กร, กรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน |
9. ดร. สุธี โมกขะเวส | กรรมการอิสระ, กรรมการตรวจสอบ, กรรมการนโยบายการบริหารความเสี่ยงองค์กร |
หมายเหตุ : (1) กรรมการที่เป็นผู้บริหาร
กรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัท
กรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อผูกพันบริษัทประกอบด้วย นายบัญชา องค์โฆษิต ดร. ปัญจะ เสนาดิสัย แพทย์หญิงจันทิมา องค์โฆษิต นางวรลักษณ์ องค์โฆษิต นางศิริพรรณ สันธนะพันธ์ และ นายพิธาน องค์โฆษิต กรรมการสองในหกคนนี้ ลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท
ขอบเขต อำนาจ หน้าที่ ของคณะกรรมการบริษัทฯ
- บริหารกิจการให้เป็นไปเพื่อประโยชน์ที่ดีที่สุดแก่ผู้ถือหุ้น (Fiduciary Duty) โดยยึดถือแนวปฎิบัติสำคัญ 4 ประการคือ
- การปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรอบคอบระมัดระวัง (Duty of Care)
- การปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต (Duty of Loyalty)
- การปฏิบัติตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ ข้อบังคับ และมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น (Duty of Obedience)
- การเปิดเผยข้อมูลต่อผู้ถือหุ้นอย่างถูกต้อง ครบถ้วน และโปร่งใส (Duty of Disclose)
- พิจารณาอนุมัติ ให้ความเห็นชอบ และทบทวน วิสัยทัศน์ พันธกิจ นโยบาย แผนการดำเนินงาน แผนงบประมาณ และควบคุมการปฏิบัติงานของผู้บริหารระดับสูงให้เป็นไปตามนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพและก่อประสิทธิผลเพื่อความมั่นคงและผลประโยชน์ที่สมดุล และยั่งยืนของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
- จัดการบริษัทให้เป็นไปตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ ข้อบังคับของบริษัท และมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นทั้งในปัจจุบันและในระยะยาว รวมทั้งปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
- ในการกำกับดูแลกิจการของบริษัท กำหนดให้เรื่องดังต่อไปนี้เป็นอำนาจ หน้าที่ และความรับผิดชอบของคณะกรรมการบริษัท ที่จะเป็นผู้พิจารณาอนุมัติ ให้ความเห็นชอบ
- นโยบาย แนวทางกลยุทธ์การบริหารงาน เป้าหมาย แผนการดำเนินงาน งบประมาณประจำปีของบริษัท และบริษัทย่อย
- ผลประกอบการประจำเดือน และประจำไตรมาสของบริษัท เทียบกับแผนและงบประมาณ
- การลงทุนในโครงการที่ไม่มีในงบประมาณประจำปี และอนุมัติรายการปกติทั่วไปทางการค้าที่มีวงเงินเกินอำนาจอนุมัติของกรรมการผู้จัดการ
- การซื้อและจำหน่ายสินทรัพย์ การซื้อกิจการ และการเข้าร่วมโครงการร่วมทุนที่เป็นไปตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่มีมูลค่าเกินอำนาจอนุมัติของกรรมการผู้จัดการ
- การทำธุรกรรมอันมีผลกระทบที่สำคัญต่อฐานะทางการเงิน ภาระหนี้สิน ยุทธศาสตร์การทำธุรกิจ และชื่อเสียงของบริษัท
- การทำสัญญาใดๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการทำธุรกิจปกติ และสัญญาที่เกี่ยวกับการทำธุรกิจปกติที่มีความสำคัญ
- การเปิดและปิดบัญชีของบริษัท กับสถาบันการเงินต่างๆ
- การทำรายการเกี่ยวโยงกันระหว่างบริษัท และบริษัทย่อย บริษัทร่วมกับบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน ส่วนที่ไม่เข้าข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ฯ และคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ
- การจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล
- การเปลี่ยนนโยบายและวิธีปฏิบัติที่มีนัยสำคัญเกี่ยวกับการบัญชี การบริหารความเสี่ยง และการควบคุมภายใน
- การกำหนดและการเปลี่ยนแปลงอำนาจอนุมัติที่มอบให้กรรมการผู้จัดการ และผู้บริหารระดับสูง
- การเสนอแต่งตั้งและการสิ้นสุดสถานภาพของกรรมการ เลขานุการบริษัท
- การมอบอำนาจหน้าที่ให้ประธานกรรมการ กรรมการผู้จัดการ หรือกรรมการบริษัท คนใดคนหนึ่ง รวมถึงการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง แก้ไข การมอบอำนาจหน้าที่ดังกล่าว ทั้งนี้ ต้องไม่ขัดกับกฎเกณฑ์ข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ฯ และคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ
- การแต่งตั้งและกำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการชุดย่อย
- การแต่งตั้งกรรมการในบริษัทย่อย
- การปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และแก้ไขโครงสร้างองค์กร ระดับรองกรรมการผู้จัดการขึ้นไป
- การดำเนินการอื่นใดเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ ข้อบังคับ และมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น
- กำกับดูแลและสอบทานให้มีระบบรายงานทางการเงินที่โปร่งใส ถูกต้องและเพียงพอ
- จัดให้มีและกำกับดูแลให้มีการบริหารจัดการตามหลักการการกำกับดูแลกิจการที่ดี
- ริเริ่มและมีส่วนร่วมในการจัดทำนโยบายกำกับดูแลกิจการ แนวทางในการกำกับดูแล และบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการบริษัท และอนุมัตินโยบายดังกล่าว
- จัดตั้งหน่วยงานตรวจสอบภายในเป็นหน่วยงานหนึ่งในบริษัทเพื่อทำหน้าที่ในบริษัท โดยมีสายการรายงานไปยังคณะกรรมการตรวจสอบ
- พิจารณาค่าตอบแทนกรรมการและผู้บริหาร ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและยั่งยืนต่อบริษัทและผู้ถือหุ้น
- กำกับดูแลกระบวนการแต่งตั้งและเลือกตั้งกรรมการบริษัทให้มีความโปร่งใสและชัดเจน
- ควบคุมดูแลจัดการ การขัดแย้งทางผลประโยชน์ใดๆในบริษัทและส่งเสริมให้พนักงานทุกระดับตระหนัก ในความสำคัญของระบบการควบคุมและตรวจสอบภายใน เพื่อลดความเสี่ยงด้านการทุจริตและการใช้อำนาจอย่างไม่ถูกต้อง รวมทั้งป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย
- เคารพสิทธิของผู้ถือหุ้น และปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายอย่างเป็นธรรม มีความโปร่งใสในการดำเนินงาน และมีการเปิดเผยข้อมูลอย่างถูกต้องเพียงพอ
- พิจารณาแต่งตั้ง สรรหา ผู้บริหารมาทดแทนตำแหน่งใดๆ ในกรณีที่จำเป็น
- วางแผนนโยบาย การบริหารงานของบริษัท ตลอดจนตรวจสอบผลการดำเนินงานของบริษัท
- กำกับดูแลและพัฒนาระบบการบริหารความเสี่ยง รวมทั้งการกำกับดูแลและพัฒนาบรรษัทภิบาลของบริษัท เพื่อให้ไปสู่มาตรฐานที่ยอมรับในระดับสากล
- ประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการบริษัทเป็นประจำทุกปี โดยรวมเป็นรายคณะ และประเมินตนเองเป็นรายบุคคล
- เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการบริษัท และการประชุมผู้ถือหุ้นเว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย โดยกรรมการบริษัท ที่ไม่สามารถเข้าร่วมประชุมจะต้องแจ้งให้กรรมการบริษัท หรือเลขานุการคณะกรรมการบริษัททราบล่วงหน้าก่อนการประชุม
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้กำหนด นิยามความเป็นอิสระของกรรมการ ซึ่งสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังนี้
- ต้องถือหุ้นไม่เกิน 0.5% ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัท บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม หรือนิติบุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง (นับรวมบุคคลที่เกี่ยวข้องตามมาตรา 258 ตามกฎหมายหลักทรัพย์)
- ไม่เป็นกรรมการที่มีส่วนร่วมในด้านต่างๆ ดังนี้
- การบริหารงาน
- พนักงาน หรืออดีตพนักงานของผู้ตรวจสอบบัญชีภายนอก
- ผู้ที่มีผลประโยชน์ร่วมกับบริษัทฯ รวมถึงผู้ตรวจสอบ ที่ปรึกษากฎหมาย หรือผู้ให้บริการทางวิชาชีพใดๆ
- พนักงานบริษัทฯ
- ผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัทฯ บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม บริษัทย่อยลำดับเดียวกัน
- นิติบุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง (ปัจจุบันและช่วง 2 ปีก่อนได้รับการแต่งตั้ง)
- ผู้ที่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับบริษัทฯในช่วงระยะ 2 ปี
- ไม่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ เช่นเป็นลูกค้า คู่ค้า เจ้าหนี้-ลูกหนี้การค้า เจ้าหนี้-ลูกหนี้เงินกู้ เป็นต้น รวมทั้งไม่มีผลประโยชน์หรือส่วนได้เสียไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ทั้งในด้านการเงินและการบริหารงานของบริษัท และบริษัทในกลุ่ม บริษัทร่วมหรือนิติบุคคลที่อาจมีความขัดแย้งในลักษณะที่จะทำให้ขาดความเป็นอิสระ
- ไม่เป็นญาติสนิทหรือมีความสัมพันธ์ที่อาจทำให้ขาดความเป็นอิสระกับผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท บริษัทในกลุ่ม บริษัทร่วม หรือนิติบุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง
- ไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนเพื่อรักษาผลประโยชน์ของกรรมการ หรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่
บทบาทและหน้าที่ของประธานกรรมการ
ประธานกรรมการในฐานะผู้นำของคณะกรรมการ มีหน้าที่รับผิดชอบในการกำหนดวาระการประชุม ให้รายละเอียดข้อมูล ต่อกรรมการ เป็นผู้ดำเนินการประชุม เพื่อเปิดโอกาสให้กรรมการแต่ละท่านสามารถเสนอเรื่องต่างๆและเสนอความคิดเห็นใดๆ ที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อบริษัท
ประธานกรรมการ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยการสร้างสรรค์ และเปิดโอกาสรับฟังทุกความคิดเห็นที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อบริษัท นอกจากนี้ ประธานฯ จะเป็นผู้ตอบคำถามของผู้ถือหุ้นในประเด็นที่สำคัญๆของบริษัท หรือในประเด็นที่ผู้ถือหุ้นมีข้อสงสัย
แม้ว่าประธานกรรมการจะไม่ใช่กรรมการอิสระ แต่จากการพิจารณาของคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนเห็นว่าโครงสร้างดังกล่าวมีความเหมาะสมกับลักษณะการประกอบธุรกิจของบริษัทและเป็นจุดแข็งที่ช่วยส่งเสริมให้การดำเนินธุรกิจประสบความสำเร็จและเติบโตอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากประธานกรรมการเป็นผู้ริเริ่มนำเทคโนโลยีในการผลิตแผ่นพิมพ์วงจรไฟฟ้า (PCB) เข้ามาในประเทศไทยเป็นรายแรก จึงมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจการผลิต PCB มาอย่างยาวนาน และสามารถปฏิบัติหน้าที่โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มโดยเฉพาะผู้ถือหุ้นส่วนน้อย มาโดยตลอด
ประธานกรรมการไม่มีอำนาจเหนือกว่ากรรมการท่านอื่นๆ ดังกฎหมายบริษัทมหาชนได้ระบุหน้าที่ความรับผิดชอบเพิ่มเติมของประธานกรรมการบริษัท ไว้ดังนี้
- ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการ และควบคุมดูแลการประชุมให้ดำเนินไปอย่างเรียบร้อย เปิดโอกาสให้กรรมการทุกท่านได้แสดงความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะอย่างเต็มที่และเป็นอิสระ
- ในการประชุมคณะกรรมการหรือการประชุมผู้ถือหุ้น ประธานจะเป็นผู้ลงคะแนนตัดสินในกรณีที่มีคะแนนเสียงเท่ากัน
- ในการประชุมคณะกรรมการบริษัทหรือการประชุมผู้ถือหุ้นที่ประธานกรรมการมีส่วนได้ส่วนเสียกับการพิจารณาในวาระใด ประธานกรรมการจะไม่อยู่ในที่ประชุมและงดออกเสียงในวาระนั้นๆ
- ทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น
นอกจากหน้าที่และความรับผิดชอบในฐานะกรรมการแล้ว ประธานได้ยึดมั่นในจรรยาบรรณและนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดีอยู่เสมอ เพื่อเป็นแบบอย่างให้แก่กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท
2) คณะกรรมการบริหาร
คณะกรรมการบริษัท เป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหาร ซึ่งประกอบด้วยกรรมการและผู้บริหารระดับสูงจากฝ่ายจัดการ ดังมีรายชื่อต่อไปนี้
1) นายบัญชา องค์โฆษิต | ประธานกรรมการบริหาร |
2) นางวรลักษณ์ องค์โฆษิต | รองประธานกรรมการบริหาร |
3) นายพิธาน องค์โฆษิต | ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ |
4) นายเฟรดดริก การาเพท โอฮาเนี่ยน | ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานปฏิบัติการผลิต |
5) นางวสรา โชติธรรมรัตน์ | ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายบัญชีและการเงิน |
6) นางศิริพรรณ สันธนะพันธ์ | กรรมการ บริษัท ไทยลามิเนต แมนูแฟคเจอเรอร์ จำกัด (บริษัทย่อย) |
7) นายลิน โพชิง | กรรมการ บริษัท เคมโทรนิคส์ โปรดักส์ จำกัด (บริษัทย่อย) |
ขอบเขต อำนาจ หน้าที่ของคณะกรรมการบริหาร
- พิจารณานโยบาย ทิศทาง แผนยุทธศาสตร์ในการทำธุรกิจและโครงสร้างการบริหารงาน และงบประมาณประจำปีของบริษัทและบริษัทย่อย โครงการลงทุนทุกโครงการ แผนกำลังคนประจำปี
- อนุมัติการสรรหา/คัดเลือก/แต่งตั้ง ผู้บริหารระดับสูงในองค์กร (ระดับผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่าย หรือ Assistance VP ขึ้นไป) และกำหนดค่าตอบแทนตามหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน
- กำกับดูแลการปฏิบัติงานของฝ่ายบริหารให้ดำเนินงานภายใต้นโยบายต่างๆที่กำหนดไว้ รับผิดชอบโดยรวมและควบคุมค่าใช้จ่ายและงบลงทุนตามขอบเขตที่คณะกรรมการบริษัทอนุมัติในแผนงานประจำปี
- ตรวจสอบ ติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบาย และแผนยุทธศาสตร์ในการปฏิบัติงานให้บรรลุเป้าหมายสูงสุด
- รับผิดชอบต่อผลการปฏิบัติงานของฝ่ายบริหาร และให้คำปรึกษาในการแก้ไขปัญหาเพื่อที่จะบรรลุ เป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
- รับผิดชอบและอนุมัติการจัดหาวงเงินกู้ระยะสั้นและระยะยาว เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทพิจารณาอนุมัติ
- ให้ข้อมูลและคำแนะนำแก่คณะกรรมการเพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจใดๆที่เกี่ยวข้องกับบริษัท
- แก้ไขปัญหาหรือความขัดแย้งใดๆ ที่มีผลกระทบกับองค์กร
- ดำรงไว้ซึ่งการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
- พิจารณาเรื่องการระดมทุนของบริษัท เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการบริษัท
- อนุมัติการแต่งตั้งที่ปรึกษาด้านต่างๆ ที่จำเป็นต่อการดำเนินงานของบริษัท
3) คณะกรรมการตรวจสอบ
คณะกรรมการบริษัทเป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ คณะกรรมการตรวจสอบประกอบด้วยกรรมการอิสระทั้งหมด ซึ่งเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามประกาศตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยคุณสมบัติและขอบเขตการดำเนินงานของคณะกรรมการตรวจสอบกำหนดไว้ โดยจะปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบและถ่วงดุลการบริหารกิจการต่างๆ ของบริษัท เพื่อให้เกิดความถูกต้องเป็นธรรม และเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นทุกคน
คณะกรรมการตรวจสอบ ประกอบด้วยกรรมการ 3 ท่าน โดยมีองค์ประกอบดังนี้
- กรรมการอิสระ 3 ท่าน
- ประธานกรรมการตรวจสอบเป็นผู้มีความรู้และประสบการณ์เพียงพอที่จะสามารถทำหน้าที่ในการสอบทานความน่าเชื่อถือของงบการเงิน
รายชื่อและตำแหน่งคณะกรรมการตรวจสอบ
1) นายไพฑูรย์ ทวีผล | ประธานกรรมการตรวจสอบ |
2) นายครรชิต บุนะจินดา | กรรมการตรวจสอบ |
3) ดร. สุธี โมกขะเวส | กรรมการตรวจสอบ |
นางสาวชญานี ชัยเดชขจร ได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบ
ขอบเขต อำนาจ หน้าที่ ของคณะกรรมการตรวจสอบ
- สอบทานให้บริษัทมีรายงานทางการเงินที่ถูกต้องและเพียงพอ โดยจัดให้มีผู้สอบบัญชีเข้าร่วมประชุมด้วยทุกไตรมาส
- สอบทานให้บริษัทมีการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และกฎหมายอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัท
- พิจารณาการเปิดเผยข้อมูลของบริษัท ในกรณีที่เกิดรายการที่เกี่ยวโยงกันหรือรายการที่อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ให้มีความถูกต้องครบถ้วน
- สอบทานให้บริษัท มีระบบการควบคุมภายในและระบบการตรวจสอบภายในที่เหมาะสมและมีประสิทธิผล รวมทั้งมีหน้าที่สอบทานรายงานผลการตรวจสอบ แนวทางการตรวจสอบ และประเมินผลการตรวจสอบการดำเนินงานด้านต่างๆ ของบริษัท ตามวิธีการและมาตรฐานที่ยอมรับโดยทั่วไปและประสานงานกับผู้สอบบัญชีของบริษัท
- พิจารณาคัดเลือกและเสนอแต่งตั้ง เลิกจ้าง ผู้สอบบัญชีภายนอกของบริษัท รวมทั้งการพิจารณาเสนอค่าตอบแทน การสอบบัญชี และมีการประชุมร่วมกับผู้สอบบัญชีอย่างน้อย 1 ครั้งต่อปี โดยไม่มีฝ่ายจัดการเข้าร่วม
- ประเมินความเสี่ยงที่สำคัญของบริษัท และให้คำแนะนำในการลดความเสี่ยง
- ให้ความเห็นชอบการแต่งตั้ง โยกย้าย และการพิจารณาความดี ความชอบ หรือการลงโทษหัวหน้าหน่วยงานการตรวจสอบภายในของบริษัท
- ให้ความเห็นชอบ แผนงานการตรวจสอบของหน่วยงานการตรวจสอบภายใน งบประมาณ และอัตรากำลังของหน่วยงานการตรวจสอบภายใน
- พิจารณาประเมินผลการกำกับดูแลกิจการของคณะกรรมการตรวจสอบ และจัดทำรายงานกำกับดูแลกิจการของคณะกรรมการตรวจสอบ เปิดเผยไว้ในรายงานประจำปีของบริษัท และลงนามโดยประธานคณะกรรมการตรวจสอบ โดยมีรายละเอียดในประเด็นสำคัญดังนี้
- ความถูกต้อง เชื่อถือได้ของรายงานทางการเงิน
- ความเพียงพอของระบบการควบคุมภายใน
- การปฏิบัติตามกฎหมายหลักทรัพย์ฯ ข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
- ความเหมาะสมของผู้สอบบัญชี
- รายการที่อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์
- การประชุมคณะกรรมการตรวจสอบและการเข้าร่วมประชุมของกรรมการแต่ละท่าน
- ความเห็นหรือข้อสังเกตที่ได้รับจากการปฏิบัติหน้าที่
- รายการอื่นใดที่ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนทั่วไปควรทราบ
- ประธานกรรมการตรวจสอบหรือกรรมการตรวจสอบต้องเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทเพื่อชี้แจงในเรื่องที่เกี่ยวกับคณะกรรมการตรวจสอบ หรือการแต่งตั้งผู้สอบบัญชี
- พิจารณาทบทวนเพื่อปรับปรุงกฎบัตรคณะกรรมการตรวจสอบเป็นประจำทุกปี (หากมีความจำเป็น)
- สอบทานให้บริษัท มีกระบวนการบริหารความเสี่ยงอย่างเป็นระบบตามมาตรฐานที่เหมาะสม โดยร่วมหารือกับคณะทำงานบริหารความเสี่ยงของฝ่ายจัดการถึงนโยบายหลักของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการบริหารความเสี่ยงและการประเมินความเสี่ยงทุกด้าน รวมทั้งความเสี่ยงจากทุจริตคอร์รัปชั่น
- ปฏิบัติการอื่นใดตามที่คณะกรรมการบริษัทมอบหมาย
- รายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการตรวจสอบ ให้คณะกรรมการบริษัททราบทุกไตรมาส
4) คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน
คณะกรรมการบริษัทเป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน ซึ่งประกอบด้วยกรรมการ 3 ท่าน โดยมีองค์ประกอบดังนี้
- กรรมการอิสระ 2 ท่าน และกรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหาร 1 ท่าน
- ประธานกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน เป็นกรรมการอิสระ
รายชื่อและตำแหน่งคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน
1. นายไพฑูรย์ ทวีผล | ประธานกรรมการ |
2. ดร. ปัญจะ เสนาดิสัย | กรรมการ |
3. นายครรชิต บุนะจินดา | กรรมการ |
ขอบเขต อำนาจ หน้าที่ ในการสรรหา
- พิจารณาโครงสร้างและองค์ประกอบของคณะกรรมการบริษัท โดยรวม และรายบุคคล ที่เหมาะสมกับขนาด ประเภท และความซับซ้อนของธุรกิจของบริษัท คุณสมบัติของกรรมการแต่ละคนในด้านการศึกษา ความรู้ ความชำนาญ ทักษะ ประสบการณ์ ความสามารถเฉพาะด้านที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรืออุตสาหกรรมหลักที่บริษัทดำเนินกิจการอยู่
- พิจารณาคุณสมบัติของกรรมการอิสระให้สอดคล้องตามหลักเเกณฑ์ที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด
- พิจารณาคุณสมบัติของผู้บริหารสูงสุดที่เหมาะสมกับการบริหารจัดการธุรกิจของบริษัทเพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ที่กำหนดไว้โดยให้ครอบคลุมทั้งในด้านการศึกษา ประสบการณ์ ความรู้ ความเชี่ยวชาญ และนำปัจจัยสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่สำคัญและเกี่ยวข้อง มาประกอบการพิจารณาด้วย
- กำหนดนโยบาย หลักเกณฑ์ วิธีการ หรือขั้นตอนการสรรหาบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท ให้สอดคล้องกับโครงสร้างและคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ และเหมาะสมลักษณะเฉพาะขององค์กร ทั้งนี้ โดยยึดมั่นในหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี
- จัดทำแผนการพัฒนากรรมการ เพื่อพัฒนาความรู้กรรมการปัจจุบันและกรรมการเข้าใหม่ให้เข้าใจธุรกิจและบทบาทหน้าที่ของกรรมการบริษัท และพัฒนาการต่างๆ ที่สำคัญ กำกับดูแลให้บริษัท จัดให้มีการปฐมนิเทศ มอบเอกสารและข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ให้แก่กรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่
- จัดทำและทบทวนแผนการสืบทอดตำแหน่ง (Succession plan) ของผู้บริหารสูงสุดของบริษัท เพื่อเตรียมความพร้อมเป็นแผนต่อเนื่องให้มีผู้สืบทอดงาน ในกรณีที่กรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงในตำแหน่งนั้นๆ เกษียณอายุ หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เพื่อให้การบริหารงานของบริษัทสามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง
- สนับสนุนให้บริษัท เปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยเสนอรายชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการบริษัท
- คัดเลือกกรรมการบริษัทที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นกรรมการในคณะกรรมการชุดย่อยเพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท พิจารณาแต่งตั้งเมื่อมีตำแหน่งว่างลง
- สรรหาและพิจารณาคัดเลือกบุคคลผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมมาดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท ทดแทนกรรมการที่ครบวาระ หรือกรณีอื่นๆ กรรมการในคณะกรรมการชุดย่อยต่างๆ กรรมการผู้จัดการ เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการบริษัท และที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณา
- ประชุมและรายงานผลการปฏิบัติงานต่อคณะกรรมการบริษัท อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
ขอบเขต อำนาจ หน้าที่ในการกำหนดค่าตอบแทน
- ทบทวนและเสนอรูปแบบ ตลอดจนหลักเกณฑ์การกำหนดค่าตอบแทนให้เหมาะสมกับหน้าที่ความรับผิดชอบของกรรมการ โดยเชื่อมโยงค่าตอบแทนกับผลการประเมิน แผนธุรกิจ และผลการดำเนินงานโดยรวมของบริษัท เพื่อให้สามารถจูงใจและรักษากรรมการที่มีความสามารถ มีคุณภาพ และศักยภาพ ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการบริษัท เป็นผู้พิจารณาเพื่อให้ความเห็นชอบก่อนนำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปีเพื่อขออนุมัติ
- พิจารณาให้ความเห็นชอบและทบทวนแบบประเมินผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริษัท เพื่อนำเสนอให้คณะกรรมการบริษัท พิจารณาอนุมัติ และดำเนินการประเมินโดยคณะกรรมการสรรหาฯ จะนำผลการประเมินดังกล่าวมาใช้ประกอบการพิจารณากําหนดค่าตอบแทนกรรมการ
- พิจารณาอนุมัติ และทบทวนแบบประเมินผลการปฏิบัติงานประจำปีของประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
- พิจารณาอนุมัติ และทบทวนโครงสร้างและองค์ประกอบค่าตอบแทน รวมถึง ค่าตอบแทนอื่นๆ สำหรับประธานเจ้าหน้าที่บริหารเป็นประจำทุกปี
- ประเมินผลการปฏิบัติงานประจำปีและพิจารณาปรับอัตราค่าตอบแทนที่เหมาะสมให้แก่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท เพื่อเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการบริษัท
- ประชุมและรายงานผลการปฏิบัติงานต่อคณะกรรมการบริษัท อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
5) คณะกรรมการกํากับดูแลสิ่งแวดล้อม สังคม บรรษัทภิบาล และการพัฒนาอย่างยั่งยืน
คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติจัดตั้งคณะกรรมการกํากับดูแลสิ่งแวดล้อม สังคม บรรษัทภิบาลและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งประกอบด้วยกรรมการ 3 ท่าน โดยมีองค์ประกอบดังนี้
รายชื่อและตำแหน่งคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติจัดตั้งคณะกรรมการกํากับดูแลสิ่งแวดล้อม สังคมบรรษัทภิบาล และการพัฒนาอย่างยั่งยืน
1) นางศิริพรรณ สันธนะพันธ์ | ประธานกรรมการ |
2) นางวรลักษณ์ องค์โฆษิต | กรรมการ |
3) นายไพฑูรย์ ทวีผล | กรรมการ |
นางวสรา โชติธรรมรัตน์ | ได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขานุการคณะกรรมการกํากับดูแลสิ่งแวดล้อม สังคม บรรษัทภิบาลและการพัฒนาอย่างยั่งยืน |
ขอบเขต อำนาจ หน้าที่ ของคณะกรรมการกํากับดูแลสิ่งแวดล้อม สังคม บรรษัทภิบาลและการพัฒนาอย่างยั่งยืน
- กําหนดนโยบายและเสนอแนวปฏิบัติด้านการกํากับดูแลกิจการที่ดี ต่อคณะกรรมการบริษัท
- ติดตามดูแลการปฏิบัติงานของกรรมการและฝ่ายจัดการ ให้เป็นไปตามหลักการกํากับดูแลกิจการที่ดี และสอดคล้องกับหลักการกํากับดูแลกิจการที่ดีของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมทั้งหลักสากล
- ทบทวนและกําหนดหลักเกณฑ์ ข้อพึงปฏิบัติที่สําคัญ และปรับปรุงหลักการกํากับดูแลกิจการที่ดีอย่างต่อเนื่อง สม่ําเสมอและเหมาะสม
- รายงานต่อคณะกรรมการบริษัทเกี่ยวกับการกํากับดูแลกิจการที่ดีของบริษัท พร้อมความเห็น แนวปฏิบัติ และข้อเสนอแนะ เพื่อแก้ไขปรับปรุงตามความเหมาะสม
- ครอบคลุมการก่ากับดูแลการดําเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม
6) คณะกรรมการนโยบายการบริหารความเสี่ยงองค์กร
ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 10/2559 เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2559 ได้มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการ นโยบายการบริหารความเสี่ยงองค์กร โดยแต่งตั้งกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เข้าร่วมเป็นกรรมการ
รายชื่อและตำแหน่ง คณะกรรมการนโยบายการบริหารความเสี่ยงองค์กร
1) นายครรชิต บุนะจินดา | ประธานกรรมการ |
2) นายไพฑูรย์ ทวีผล | กรรมการ |
3) ดร. ปัญจะ เสนาดิสัย | กรรมการ |
4) นายพิธาน องค์โฆษิต | กรรมการ |
5) นางศิริพรรณ สันธนะพันธ์ | กรรมการ |
6) ดร. สุธี โมกขะเวส | กรรมการ |
นายสมชาย อาจรักษา | เลขานุการ |
ขอบเขต อำนาจ หน้าที่ ของคณะกรรมการนโยบายการบริหารความเสี่ยงองค์กร
- กำหนดนโยบายและแนวทางการบริหารความเสี่ยงโดยรวมของบริษัทให้ครอบคลุมความเสี่ยงในทุกๆด้าน เพื่อนำเสนอคณะกรรมการบริษัทพิจารณาให้ความเห็นชอบ
- พิจารณาความเสี่ยงที่สำคัญของบริษัท และเสนอแนะวิธีป้องกัน หรือลดระดับความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้
- ทบทวนความเพียงพอของนโยบายและระบบการบริหารความเสี่ยง โดยรวมถึงความมีประสิทธิผลของระบบและการปฏิบัติตามนโยบายที่กำหนด
- ดูแล ติดตาม ประเมินผล รวมทั้งปรับปรุงแผนการดำเนินงาน เพื่อลดความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง และเหมาะสมกับภาวการณ์ดำเนินธุรกิจของบริษัท
- ปฏิบัติการอื่นใดตามที่คณะกรรมการบริษัทมอบหมายตามที่เห็นสมควร
- ประชุมและรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะกรรมการบริษัท ทราบ อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงระดับจัดการ
คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติจัดตั้งคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงระดับจัดการ โดยแต่งตั้งจากผู้บริหารระดับสูงจากฝ่ายจัดการของส่วนงานทุกฝ่ายของบริษัท และมีประธานเจ้าหน้าที่บริหารเป็นประธานกรรมการ
รายชื่อและตำแหน่งคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงระดับจัดการ
1) นายพิธาน องค์โฆษิต | ประธานกรรมการ |
2) นายเฟรดดริก การาเพท โอฮาเนี่ยน | กรรมการ |
3) นางธัญรัตน์ เทศน์สาลี | กรรมการ |
4) นายอรรถสิทธิ์ องค์โฆษิต | กรรมการ |
5) นายวิบูรณ์ สุนทรวิวัฒน์ | กรรมการ |
6) นางสาวกนกพร สุขประสิทธิปรีดี | กรรมการ |
7) นางสาวนิตยา โรจนกำพล | กรรมการ |
8) นางวรรณวดี พัฒนศาสตร์ | กรรมการ |
9) นางสุณี เอกธีรจิตต์ | กรรมการ |
10) นายลิน, โพ ซิง | กรรมการ |
11) นายสุนัน ศรีเพชร | กรรมการ |
12) นายพล ดุริยะบรรเลง | กรรมการ |
13) นางศุทธินี เลิศไพศาล | กรรมการ |
นายสมชาย อาจรักษา | เลขานุการ |
ขอบเขต อำนาจ หน้าที่ ของคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงระดับจัดการ
- รับผิดชอบให้มีการประเมินความเสี่ยง จัดทำ และกำกับดูแลการดำเนินการตามแผนการจัดการความเสี่ยงในระดับองค์กร
- กำหนดนโยบายการบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้
- กำหนดกรอบการบริหารความเสี่ยงของบริษัทให้สอดคล้องกับนโยบายการบริหารความเสี่ยง และติดตามการนำไปปฏิบัติ สอบทานประสิทธิผลของกรอบการบริหารความเสี่ยง
- สอบทานการบริหารความเสี่ยง รวมทั้งดำเนินการเพื่อให้มั่นใจได้ว่าการจัดการความเสี่ยงของบริษัทมีความเพียงพอและเหมาะสม สามารถจัดการความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ และกำกับดูแลให้หน่วยงานต่างๆ ดำเนินงานตามแผนการจัดการความเสี่ยง
- จัดให้มีการประชุมทบทวนผลการดำเนินงานตามระบบบริหารความเสี่ยง พร้อมรายงานผลต่อคณะกรรมการ นโยบายการบริหารความเสี่ยงองค์กร ทราบเป็นประจำต่อเนื่องทุกไตรมาส
สรุปการดำรงตำแหน่งของกรรมการในคณะกรรมการชุดต่างๆ
รายชื่อกรรมการ | คณะกรรมการบริษัท | คณะกรรมการตรวจสอบ | คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน | คณะกรรมการกำกับดูแล ESG & SD | คณะกรรมการนโยบายการบริหารความเสี่ยงองค์กร |
---|---|---|---|---|---|
นายบัญชา องค์โฆษิต |
C
|
-
|
-
|
-
|
-
|
ดร. ปัญจะ เสนาดิสัย |
VC
|
-
|
M
|
-
|
M
|
นายไพฑูรย์ ทวีผล |
M
|
C
|
C
|
M
|
M
|
แพทย์หญิงจันทิมา องค์โฆษิต |
M
|
-
|
-
|
-
|
-
|
นางวรลักษณ์ องค์โฆษิต |
M
|
-
|
-
|
M
|
-
|
นางศิริพรรณ สันธนะพันธ์ |
M
|
-
|
-
|
C
|
M
|
นายพิธาน องค์โฆษิต |
VC
|
-
|
-
|
-
|
M
|
นายครรชิต บุนะจินดา |
M
|
M
|
M
|
-
|
C
|
ดร. สุธี โมกขะเวส |
M
|
M
|
-
|
-
|
M
|
หมายเหตุ :
C - Chairman ประธาน
VC - Vice Chairman รองประธาน
M - Member กรรมการ
สรุปการเข้าร่วมประชุมของกรรมการ ในปี 2565
รายชื่อกรรมการ | การเข้าร่วมประชุม (ครั้ง) | ||||
---|---|---|---|---|---|
คณะกรรมการบริษัท | คณะกรรมการตรวจสอบ | คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน | คณะกรรมการกำกับดูแล ESG & SD | คณะกรรมการนโยบายการบริหารความเสี่ยงองค์กร | |
นายบัญชา องค์โฆษิต |
12 / 12
|
-
|
-
|
-
|
-
|
ดร. ปัญจะ เสนาดิสัย |
12 / 12
|
-
|
1 / 1
|
-
|
3 / 4
|
นายไพฑูรย์ ทวีผล |
12 / 12
|
5 / 5
|
1 / 1
|
2 / 2
|
3 / 4
|
แพทย์หญิงจันทิมา องค์โฆษิต |
12 / 12
|
-
|
-
|
-
|
-
|
นางวรลักษณ์ องค์โฆษิต |
12 / 12
|
-
|
-
|
2 / 2
|
-
|
นางศิริพรรณ สันธนะพันธ์ |
12 / 12
|
-
|
-
|
2 / 2
|
4 / 4
|
นายพิธาน องค์โฆษิต |
12 / 12
|
-
|
-
|
-
|
4 / 4
|
นายครรชิต บุนะจินดา |
12 / 12
|
5 / 5
|
1 / 1
|
-
|
4 / 4
|
ดร.สุธี โมกขะเวส |
11 / 12
|
4 / 5
|
-
|
-
|
4 / 4
|
ผู้บริหารระดับสูง
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 บริษัทมีผู้บริหารจำนวน 11 ท่าน ดังนี้
1) นายบัญชา องค์โฆษิต | ประธานกรรมการบริหาร |
2) นางวรลักษณ์ องค์โฆษิต | รองประธานกรรมการบริหาร /ผู้อำนวยการสำนักบริหาร |
3) นายพิธาน องค์โฆษิต | ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ |
4) นายเฟรดดริก การาเพท โอฮาเนี่ยน | ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานปฎิบัติการผลิต |
5) นางวสรา โชติธรรมรัตน์ | ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายบัญชีและการเงิน |
6) นายอรรถสิทธิ์ องค์โฆษิต | ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ |
7) นายไพโรจน์ ธาราวัชรศาสตร์ | ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรม |
8) นายสุนัน ศรีเพชร | ผู้อำนวยการฝ่ายปฎิบัติการผลิต |
9) นายวิบูรณ์ สุนทรวิวัฒน์ | ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายทรัพยากรบุคคล |
10) นางสาวกนกพร สุขประสิทธิ์ปรีดี | ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายสรรหา/จัดซื้อ |
11) นายบุญชวน อิมราพร | ผู้อำนวยการอาวุโสด้านวิศวกรรมการผลิต |
ขอบเขต อำนาจ หน้าที่ของกรรมการผู้จัดการ
กรรมการผู้จัดการมีอําานาจและหน้าที่เกี่ยวกับการบริหารบริษัท ตามที่คณะกรรมการมอบหมาย และจะต้องบริหารบริษัทตามแผนงานหรืองบประมาณที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการอย่างเคร่งครัด ชื่อสัตย์ สุจริตและระมัดระวัง รักษาผลประโยชน์ของบริษัทและผู้ถือหุ้นอย่างดีที่สุด รวมไปถึงอํานาจหน้าที่ในเรื่องหรือกิจการต่างๆ ดังต่อไปนี้
- ควบคุม ดูแลการดำเนินกิจการ และ/หรือ การบริหารงานทั่วไปของบริษัท
- บรรจุ แต่งตั้ง ถอดถอน โยกย้าย เลื่อน ลด ตัดเงินเดือนหรือค่าจ้าง ลงโทษทางวินัยพนักงาน และลูกจ้าง ตลอดจนให้พนักงานและลูกจ้างออกจากตําแหน่งตามระเบียบที่คณะกรรมการกําหนด แต่ถ้าเป็นพนักงานระดับฝ่ายหรือเทียบเท่าขึ้นไป จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารก่อน
- มีอํานาจอนุมัติการว่าจ้างผู้บริหารระดับผู้อํานวยการอาวุโส และระดับผู้อํานวยการผู้จัดการ
- มีอำนาจในการบังคับบัญชา ติดต่อ สั่งการ ดําเนินการ ตลอดจนเข้ามาลงนามในนิติกรรมสัญญา เอกสารค้าสั่ง หนังสือแจ้งหรือหนังสือใดๆ ที่ใช้ติดต่อกับหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และบุคคลอื่น ตลอดจนให้มีอํานาจกระทําการใดๆ ที่จําเป็นและสมควร เพื่อให้การดําเนินการข้างต้นสําเร็จลุล่วงไป
- มีอํานาจอนุมัติ และมอบอํานาจช่วงอนุมัติเบิกจ่ายเพื่อการจัดซื้อจัดจ้างซึ่งทรัพย์สินและบริการ เพื่อประโยชน์ของบริษัท ซึ่งอํานาจการอนุมัติดังกล่าวจะเป็นการอนุมัติรายการปกติทั่วไปทางการค้าที่มีวงเงินไม่เกิน 800 ล้านบาท ต่อรายการ และอนุมัติค่าใช้จ่ายในการซื้อทรัพย์สินอื่นในวงเงินไม่เกิน 400 ล้านบาทต่อรายการ หากเกินจํานวนที่สามารถอนุมัติให้นําเสนอเพื่อขออนุมัติจากคณะกรรมการบริษัท
- มีอํานาจอนุมัติวงเงินการปรับเงินเดือนและโบนัส หรือสูตรโบนัส หรือการปรับผลตอบแทนประจําปีของผู้บริหารและพนักงาน
- ดําเนินการให้มีการจัดทําและส่งมอบนโยบายทางธุรกิจ รวมถึงแผนงานและงบประมาณต่อคณะกรรมการเพื่อขออนุมัติ และมีหน้าที่รายงานความก้าวหน้าตามแผน และงบประมาณที่ได้รับอนุมัติดังกล่าวต่อคณะกรรมการในทุกๆ 3 เดือน
- ดําเนินการหรือปฏิบัติงานให้เป็นไปตามนโยบายแผนงานและงบประมาณที่ได้อนุมัติจากคณะกรรมการบริษัท และ/หรือ คณะกรรมการบริหารของบริษัท
- มีอำนาจในการมอบอํานาจช่วง และ/หรือ มอบหมายให้บุคคลอื่นปฏิบัติงานเฉพาะอย่างแทนได้โดยการมอบช่วง และ/หรือ การมอบหมายดังกล่าวให้อยู่ภายใต้ขอบเขตแห่งการมอบอํานาจตามหนังสือมอบอํานาจฉบับนี้ และ/หรือ ให้เป็นไปตามระเบียบข้อกําหนด หรือคําสั่งที่คณะกรรมการบริษัท และ/หรือ บริษัทกำหนดไว้
- อนุมัติการแต่งตั้งผู้มีอํานาจลงนามเอกสารสั่งจ่ายเงินของบริษัท รวมถึงสัญญาต่างๆ เอกสารทางบัญชีและการเงิน และเอกสารทั่วไป
- เป็นที่ปรึกษาฝ่ายอัดการในเรื่องเกี่ยวกับนโยบายด้านการเงิน การตลาด การบริหารงานบุคคล และด้านการปฏิบัติอื่นๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการดําเนินธุรกิจของบริษัท
- มีอํานาจอนุมัติการแต่งตั้งที่ปรึกษาด้านต่างๆ ที่จําเป็นต่อการดําเนินงานของบริษัท
- เป็นผู้รับมอบอํานาจของบริษัทในการบริหารกิจการของบริษัทให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ข้อบังคับ นโยบาย ระเบียบ ข้อกําหนด คําสั่ง มติที่ประชุมผู้ถือหุ้น และ/หรือ มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท และคณะกรรมการบริหารทุกประการ
เลขานุการบริษัท
เพื่อให้เป็นไปตามหลักการกํากับดูแลกิจการที่ดี คณะกรรมการบริษัท มีมติแต่งตั้ง นางวสรา โชติธรรมรัตน์ เป็นเลขานุการบริษัท เพื่อช่วยดูแลกิจกรรมของคณะกรรมการบริษัทในการดูแลบริหารกิจการให้ดําเนินไปในทิศทางที่ถูกต้อง โปร่งใส และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยกําหนดให้เลขานุการบริษัทรับผิดชอบดําเนินการดังต่อไปนี้ ในนามของบริษัท หรือคณะกรรมการ
- จัดทำและเก็บรักษาเอกสารดังต่อไปนี้
- 1 ทะเบียนกรรมการ
- 2 หนังสือนัดประชุมคณะกรรมการ รายงานการประชุมคณะกรรมการ และรายงานประจําปีของบริษัท
- 3 หนังสือนัดประชุมผู้ถือหุ้น และรายงานการประชุมผู้ถือหุ้น
- เก็บรักษารายงานการมีส่วนได้เสียที่รายงานโดยกรรมการหรือผู้บริหาร
- ดําเนินการอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการกํากับตลาดทุนประกาศกําหนด
- จัดการประชุมผู้ถือหุ้น และประชุมคณะกรรมการให้เป็นไปตามกฎหมาย ข้อบังคับของบริษัท และข้อพึงปฏิบัติต่างๆ
- ร่างนโยบายด้านการบริหารต่างๆ
- บันทึกรายงานการประชุมผู้ถือหุ้น และการประชุมคณะกรรมการบริษัท รวมทั้งติดตามผลให้มีการปฏิบัติตามมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นและที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท
- ดูแลให้มีการเปิดเผยข้อมูลและรายงานสารสนเทศในส่วนที่รับผิดชอบต่อหน่วยงานที่กํากับบริษัทตามระเบียบ และข้อกําหนดของหน่วยงานทางราชการ
- ดูแลให้บริษัทและคณะกรรมการปฏิบัติตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ของสํานักคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
- ส่งเสริมให้บริษัทมีมาตรฐานด้านบรรษัทภิบาลที่เหมาะสม
- ติดต่อสื่อสารกับผู้ถือหุ้นทั่วไปให้ได้รับสิทธิต่างๆ ของผู้ถือหุ้นและข่าวสารของบริษัท
- ดูแลกิจกรรมของคณะกรรมการบริษัท
ประวัติโดยสังเขปของเลขานุการบริษัท
นางวสรา โชติธรรมรัตน์
- ปัจจุบัน ดํารงตําแหน่ง ผู้อําานวยการอาวุโสฝ่ายบัญชีและการเงิน
- ปริญญาโทบริหารธุรกิจ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- คุณสมบัติ : มีความรู้ด้านบัญชีที่เกี่ยวข้อง มีความสามารถในการสรุปประเด็น การจัดทํารายงานการประชุม การจัดประชุมผู้ถือหุ้น มีความคล่องตัวในการปฎิบัติงาน มีมนุษยสัมพันธ์ดี มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีภาวะผู้นํา มีความสามารถในการสื่อสารและการประสานงาน และเป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์ สุจริต
- ผ่านการอบรมด้านงานเลขานุการบริษัท จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) และการอบรม สัมมนา อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องจากตลาดหลักทรัพย์ฯ
การสรรหากรรมการ
วาระการดำรงตำแหน่ง
กรรมการแต่ละท่านมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 3 ปี และให้กรรมการอิสระดำรงตำแหน่งกรรมการติดต่อกันได้ไม่เกิน 3 วาระ และสามารถต่อวาระได้โดยรวมไม่เกิน 9 ปี ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทสามารถพิจารณาขยายระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของกรรมการอิสระได้ตามที่เห็นสมควร และในปีที่กรรมการอิสระดังกล่าวครบกำหนดออกตามวาระ คณะกรรมการอาจเสนอชื่อกรรมการดังกล่าวให้ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นพิจารณาเลือกตั้งกรรมการกลับเข้าเป็นกรรมการอิสระต่อไปได้ โดยตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัดและข้อบังคับของบริษัทกำหนดให้ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีทุกครั้ง ให้กรรมการออกจากตำแหน่ง 1 ใน 3 ถ้าจำนวนกรรมการที่จะออกแบ่งให้ตรงเป็น 3 ส่วนไม่ได้ ก็ให้ออกโดยจำนวนใกล้เคียงที่สุดกับส่วน 1 ใน 3 โดยให้กรรมการคนที่อยู่ในตำแหน่งนานที่สุดเป็นผู้ออกจากตำแหน่ง และกรรมการที่ออกจากตำแหน่งนั้นมีสิทธิได้รับเลือกตั้งกลับมาดำรงตำแหน่งใหม่ได้ ทั้งนี้ คณะกรรมการมีนโยบายให้วาระของกรรมการชุดย่อยสอดคล้องกับวาระการเป็นกรรมการบริษัท
หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหา
คณะกรรมการบริษัทได้กำหนดนโยบาย หลักเกณฑ์ วิธีการสรรหากรรมการโดยมอบหมายให้คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนเป็นผู้สรรหาบุคคลที่มีความเหมาะสมเข้ารับการคัดเลือก และเป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการสรรหาคัดเลือก ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของสถานการณ์ของบริษัท ในช่วงเวลานั้นๆ ด้วย ทั้งนี้ จะพิจารณาผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมจากช่องทางต่างๆ เช่น เปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ผู้ถือหุ้นส่วนน้อย กรรมการของบริษัท เสนอชื่อบุคคลเพื่อรับการพิจารณาแต่งตั้งเป็นกรรมการ พิจารณาจากทำเนียบกรรมการ (Director pool) ของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย และจากช่องทางอื่นๆ ที่คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนพิจารณาเห็นสมควร
โดยคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนมีหน้าที่และรับผิดชอบในการพิจารณาคัดเลือกและกลั่นกรองบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมตามข้อบังคับของบริษัท และสอดคล้องกับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัท ตามความหลากหลายในโครงสร้างของคณะกรรมการ (Board Skill matrix) ที่กำหนดคุณสมบัติของกรรมการที่ต้องการสรรหา ตลอดจนหลักเกณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง แล้วนำเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการ จากนั้น นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเป็นผู้เลือกตั้งกรรมการตามหลักเกณฑ์และวิธีการดังต่อไปนี้
- ในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งกรรมการให้ถือว่าผู้ถือหุ้นแต่ละคนมีคะแนนเสียงเท่ากับหนึ่งหุ้นต่อหนึ่งเสียง
- ให้ผู้ถือหุ้นลงคะแนนเสียงทั้งหมดที่ตนมีอยู่เลือกบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการทีละคน
- บุคคลซึ่งได้รับคะแนนเสียงสูงสุดตามลำดับลงมาเป็นผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นกรรมการเท่าจำนวนกรรมการที่จะพึงมี หรือพึงจะเลือกตั้งในครั้งนั้น ในกรณีที่บุคคลซึ่งได้รับการเลือกตั้งในลำดับถัดลงมา มีคะแนนเสียงเท่ากันเกินจำนวนกรรมการที่จะพึงมี ให้ประธานที่ประชุมออกเสียงได้เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด
- ในกรณีที่ตำแหน่งกรรมการว่างลงเนื่องจากเหตุอื่นนอกจากการครบวาระออกจากตำแหน่งกรรมการ ให้คณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายเข้าเป็นกรรมการแทนในการประชุมคณะกรรมการคราวถัดไป โดยบุคคลซึ่งเข้าเป็นกรรมการแทนจะอยู่ในตำแหน่งกรรมการได้เพียงเท่าวาระที่ยังเหลืออยู่ของกรรมการซึ่งตนแทน
- คณะกรรมการบริษัทกำหนดให้กรรมการบริษัทดำรงตำแหน่งในบริษัทจดทะเบียน รวมไม่เกิน 5 บริษัท
การสรรหาผู้บริหาร
การสรรหากรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
คณะกรรมการบริหารเป็นผู้พิจารณาในเบื้องต้นในการสรรหาบุคคลที่มีคุณสมบัติครบถ้วน เหมาะสม มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของบริษัทและนำเสนอต่อคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนพิจารณาอนุมัติ เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทพิจารณาอนุมัติต่อไป
การสรรหาผู้บริหาร
สำหรับการสรรหาและแต่งตั้งผู้บริหารของบริษัทนั้น คณะกรรมการบริษัทได้ให้อำนาจประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการเป็นผู้พิจารณาคัดเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติครบถ้วน เหมาะสมกับตำแหน่งและหน้าที่ความรับผิดชอบ รวมถึงมีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของบริษัท โดยการคัดเลือกเป็นไปตามระเบียบในการสรรหาบุคคลของฝ่ายทรัพยากรบุคคล
ค่าตอบแทนกรรมการและผู้บริหาร
ค่าตอบแทนกรรมการ
คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนพิจารณาหลักเกณฑ์และรูปแบบค่าตอบแทนของกรรมการและผู้บริหารระดับสูง โดยคำนึงถึงความเป็นธรรมที่สะท้อนถึงหน้าที่ความรับผิดชอบ และความเหมาะสมที่เชื่อมโยงกับความสำเร็จในการปฏิบัติงาน ผลประกอบการ ปัจจัยแวดล้อมอื่น ตลอดจนพิจารณาเปรียบเทียบกับค่าตอบแทนของบริษัทอื่นที่อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันในอุตสาหกรรมเดียวกัน โดยนำผลสำรวจค่าตอบแทนกรรมการที่จัดทำโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) มาประกอบการพิจารณาเปรียบเทียบด้วย
1) นโยบายและหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนคณะกรรมการบริษัท
คณะกรรมการบริษัทได้กำหนดนโยบายและหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนกรรมการ ในรูปแบบของค่าตอบแทนกรรมการ 2 ประเภท ได้แก่ ค่าเบี้ยประชุม และค่าตอบแทนประจำปี โดยพิจารณาถึงภารกิจ ความรับผิดชอบ และการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการ โดยเปรียบเทียบกับค่าตอบแทนของบริษัทอื่นที่มีขนาดและลักษณะของธุรกิจที่ใกล้คียงกัน ทั้งนี้ ค่าตอบแทนดังกล่าว มีหลักเกณฑ์เดียวกันสำหรับกรรมการทั้งคณะ ซึ่งรวมถึงกรรมการที่เป็นผู้บริหารด้วย
ทั้งนี้ คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนได้พิจารณาทบทวนค่าตอบแทนกรรมการและนำเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาเห็นชอบ และนำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปีทุกปี ค่าตอบแทนกรรมการ ในปี 2564 และ ปี 2565 ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นครั้งที่ 38/2564 เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2564 และ ครั้งที่ 39/2565 เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2565 แล้ว ตามลำดับ
ค่าตอบแทนคณะกรรมการบริษัท
ลำดับ | รายชื่อ | ตำแหน่ง | ค่าตอบแทนรายปี(บาท) | ค่าเบี้ยประชุม(บาท) | ||
---|---|---|---|---|---|---|
ปี 2565 | ปี 2564 | ปี 2565 | ปี 2564 | |||
1 | นายบัญชา องค์โฆษิต | ประธานกรรมการ |
2,000,000
|
2,000,000
|
480,000
|
480,000
|
2 | ดร. ปัญจะ เสนาดิสัย | รองประธาน |
1,000,000
|
1,000,000
|
420,000
|
420,000
|
3 | นายพิธาน องค์โฆษิต | รองประธาน |
1,000,000
|
1,000,000
|
420,000
|
420,000
|
4 | นายไพฑูรย์ ทวีผล | กรรมการ |
1,000,000
|
1,000,000
|
420,000
|
420,000
|
5 | แพทย์หญิงจันทิมา องค์โฆษิต | กรรมการ |
1,000,000
|
1,000,000
|
420,000
|
420,000
|
6 | นางวรลักษณ์ องค์โฆษิต | กรรมการ |
1,000,000
|
1,000,000
|
420,000
|
420,000
|
7 | นางศิริพรรณ สันธนะพันธ์ | กรรมการ |
1,000,000
|
1,000,000
|
420,000
|
420,000
|
8 | นายครรชิต บุนะจินดา | กรรมการ |
1,000,000
|
1,000,000
|
420,000
|
420,000
|
9 | ดร. สุธี โมกขะเวส | กรรมการ |
1,000,000
|
1,000,000
|
420,000
|
420,000
|
รวมทั้งสิ้น |
10,000,000
|
10,000,000
|
3,840,000
|
3,840,000
|
ค่าตอบแทนคณะกรรมการตรวจสอบ
ลำดับ | รายชื่อ | ตำแหน่ง | ค่าตอบแทนรายปี(บาท) | ค่าเบี้ยประชุม (บาท) | ||
---|---|---|---|---|---|---|
ปี 2565 | ปี 2564 | ปี 2565 | ปี 2564 | |||
1 | นายไพฑูรย์ ทวีผล | ประธานกรรมการ |
560,000
|
560,000
|
200,000
|
160,000
|
2 | นายครรชิต บุนะจินดา | กรรมการ |
480,000
|
480,000
|
175,000
|
140,000
|
3 | ดร. สุธี โมกขะเวส | กรรมการ |
480,000
|
480,000
|
140,000
|
105,000
|
รวมทั้งสิ้น |
1,520,000
|
1,520,000
|
515,000
|
405,000
|
ค่าตอบแทนคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน
ลำดับ | รายชื่อ | ตำแหน่ง | ค่าเบี้ยประชุม (บาท) | |
---|---|---|---|---|
ปี 2565 | ปี 2564 | |||
1 | นายไพฑูรย์ ทวีผล | ประธานกรรมการ |
30,000
|
90,000
|
2 | ดร. ปัญจะ เสนาดิสัย | กรรมการ |
25,000
|
75,000
|
3 | นายครรชิต บุนะจินดา | กรรมการ |
25,000
|
75,000
|
รวมทั้งสิ้น |
80,000
|
240,000
|
ค่าตอบแทนคณะกรรมการนโยบายการบริหารความเสี่ยงองค์กร
ลำดับ | รายชื่อ | ตำแหน่ง | ค่าเบี้ยประชุม (บาท) | |
---|---|---|---|---|
ปี 2565 | ปี 2564 | |||
1 | นายครรชิต บุนะจินดา | ประธานกรรมการ |
120,000
|
120,000
|
2 | นายไพฑูรย์ ทวีผล | กรรมการ |
75,000
|
100,000
|
3 | ดร. ปัญจะ เสนาดิสัย | กรรมการ |
75,000
|
100,000
|
4 | นายพิธาน องค์โฆษิต | กรรมการ |
100,000
|
100,000
|
5 | นางศิริพรรณ สันธนะพันธ์ | กรรมการ |
100,000
|
100,000
|
6 | ดร. สุธี โมกขะเวส | กรรมการ |
100,000
|
75,000
|
รวมทั้งสิ้น |
570,000
|
595,000
|
ค่าตอบแทนคณะกรรมการกำกับดูแลสิ่งแวดล้อม สังคม บรรษัทภิบาลและการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ลำดับ | รายชื่อ | ตำแหน่ง | ค่าเบี้ยประชุม (บาท) | |
---|---|---|---|---|
ปี 2565 | ปี 2564 | |||
1 | นางศิริพรรณ สันธนะพันธ์ | ประธานกรรมการ |
60,000
|
-
|
2 | นางวรลักษณ์ องค์โฆษิต | กรรมการ |
50,000
|
-
|
3 | นายไพฑูรย์ ทวีผล | กรรมการ |
50,000
|
-
|
รวมทั้งสิ้น |
160,000
|
-
|
2) นโยบายและหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนผู้บริหารระดับสูง
คณะกรรมการบริษัทได้กำหนดนโยบายและหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนของผู้บริหารโดยมีคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนเป็นผู้พิจารณาและทบทวนค่าตอบแทนของผู้บริหารระดับสูงเพื่อเสนอคณะกรรมการบริษัทพิจารณาอนุมัติ ซึ่งค่าตอบแทนดังกล่าว มีการกำหนดอย่างเหมาะสม ตามโครงสร้างค่าตอบแทนของบริษัท และพิจารณาเปรียบเทียบกับ ข้อมูลการสำรวจการจ่ายค่าตอบแทนจากสถาบันและองค์กรที่ได้รับความเชื่อถือ อัตราเงินเฟ้อ ผลการดำเนินการของบริษัท ผลการปฏิบัติงานของผู้บริหารแต่ละท่าน และสอดคล้องกับภาระหน้าที่ความรับผิดชอบที่ได้รับมอบหมายด้วย โดยมีการให้ผลตอบแทนแก่ผู้บริหารเป็นเงินเดือน โบนัส และเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ดังนี้
ค่าตอบแทนผู้บริหารระดับสูง
ประเภทค่าตอบแทน | ปี 2565 | ปี 2564 | ||
---|---|---|---|---|
จำนวนราย | จำนวนเงิน (บาท) | จำนวนราย | จำนวนเงิน (บาท) | |
เงินเดือน |
11
|
34,431,814
|
10
|
31,880,984
|
โบนัส/ เงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ |
4,214,760
|
5,765,753
|
ค่าตอบแทนอื่นสำหรับกรรมการและผู้บริหาร
เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2562 ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทได้มีมติอนุมัติให้บริษัทออกและจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท (โครงการ ESOP-W6) จำนวน 10,000,000 หน่วย ให้แก่กรรมการ ผู้บริหารและพนักงานของบริษัทและ/หรือบริษัทย่อย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 มีใบสำคัญแสดงสิทธิโครงการ ESOP-W6 คงเหลือ จำนวน 828,000 หน่วย
หลักบรรษัทภิบาล
การกำกับดูแลกิจการที่ดี หมายถึง การจัดโครงสร้าง และกลไกการบริหารจัดการภายในองค์กร เพื่อเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างคณะกรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน และผู้ถือหุ้น โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม
การกำกับดูแลกิจการที่ดี จะช่วยส่งเสริมให้องค์กรมีศักยภาพในการแข่งขันทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว อันนำไปสู่การเพิ่มมูลค่าของผู้ถือหุ้น และร่วมสร้างประโยชน์ร่วมกันของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย
เคซีอี ได้กำหนดนโยบายด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อให้คณะกรรมการ ผู้บริหาร พนักงานทุกคน ยึดถือเป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน เพื่อส่งเสริมให้เคซีอีเป็นบริษัทที่มีประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ มีการกำกับดูแลกิจการและการบริหารจัดการที่เป็นเลิศ มีคุณธรรมในการดำเนินธุรกิจ มีความโปร่งใส และตรวจสอบได้
การจัดโครงสร้าง และกลไกการบริหารจัดการดังกล่าว สะท้อนหลักการที่สำดัญดังต่อไปนี้
- ซื่อสัตย์ สุจริต (Honesty)
ดำเนินธุรกิจและปฏิบัติงานโดยถือเอาประโยชน์ขององค์กรเป็นสำคัญ ตั้งมั่นอยู่ในความซื่อสัตย์ สุจริตต่อหน้าที่ตนเอง และต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ไม่เอารัดเอาเปรียบ รวมทั้งตระหนักว่าการทุจริตเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ - โปร่งใส (Transparency)
ดำเนินธุรกิจและปฏิบัติงานด้วยความโปร่งใส พร้อมเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญของบริษัทอย่างถูกต้อง ครบถ้วน ทันเวลา และพร้อมรับการตรวจสอบได้อยู่เสมอ ตลอดจนเปิดกว้างรับความคิดเห็นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อการพัฒนาปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง - มีความเสมอภาค (Equitable Treatment)
ดำเนินธุรกิจและปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้า เจ้าหนี้ พนักงาน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายด้วยความเสมอภาค เท่าเทียมกัน และเคารพในหลักแห่งสิทธิมนุษยชน - เป็นธรรม (Fairness)
ดำเนินธุรกิจและปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้า เจ้าหนี้ พนักงาน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายด้วยความเป็นธรรม เพื่อประโยชน์ที่สมดุลร่วมกัน - ยึดมั่นคำสัญญา (Accountability)
ดำเนินธุรกิจและปฏิบัติงานด้วยความรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้า เจ้าหนี้ พนักงาน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ในการดำเนินงานให้เป็นไปตามนโยบาย ระบบงานที่ดี และข้อตกลงสัญญาที่ได้ให้ไว้กับผู้เกี่ยวข้องต่างๆ - ใส่ใจดูแลสังคม (Responsibility to Society)
ดำเนินธุรกิจโดยปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ชุมชน สังคม ตามสิทธิที่พึงได้รับ และดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของบริษัท โดยคำนึงถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม เพื่อการพัฒนาและเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน
นโยบายการกำกับดูแลกิจการ
คณะกรรมการบริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) ตระหนักถึงความสำคัญของการกำกับดูแลกิจการที่ดี และเชื่อมั่นว่าการกำกับดูแลกิจการที่ดีจะช่วยส่งเสริมให้องค์กรมีศักยภาพในการแข่งขันทั้งในระยะสั้นและระยะยาว อันเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มมูลค่าและผลตอบแทนสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้น และร่วมสร้างประโยชน์ที่สมดุลสำหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายในระยะยาว คณะกรรมการบริษัทจึงได้กำหนดนโยบายการกำกับดูแลกิจการโดยมีหลักการและแนวปฏิบัติที่สอดคล้องกับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และได้มีการสื่อสารให้คณะกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทได้รับทราบและถือปฎิบัติอย่างต่อเนื่อง โดยครอบคลุมเนื้อหา 5 หมวด ดังนี้
- หมวดที่ 1 : สิทธิของผู้ถือหุ้น
- หมวดที่ 2 : การปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียมกัน
- หมวดที่ 3 : บทบาทของผู้มีส่วนได้เสีย
- หมวดที่ 4 : การเปิดเผยข้อมูล และความโปร่งใส
- หมวดที่ 5 : ความรับผิดชอบของคณะกรรมการ
หมวดที่ 1 : สิทธิของผู้ถือหุ้น
1. สิทธิของผู้ถือหุ้น
บริษัทฯ มีนโยบายปกป้องและรักษาสิทธิของผู้ถือหุ้นทุกกลุ่มให้ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานต่างๆ ทั้งในฐานะนักลงทุนในหลักทรัพย์และฐานะเจ้าของบริษัท ปฎิบัติต่อผู้ถือหุ้นทุกกลุ่ม ทั้งผู้ถือหุ้นรายใหญ่ รายย่อย ผู้ถือหุ้นต่างชาติ หรือนักลงทุนสถาบันด้วยความเสมอภาคและเท่าเทียมกันตามข้อกำหนดและกฎหมายที่เกี่ยวข้องตามแนวทางการปกป้องและรักษาสิทธิขั้นพื้นฐาน โดยได้กำหนดสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ถือหุ้นไว้ดังนี้
- สิทธิในการจดทะเบียนเป็นเจ้าของหุ้นของบริษัท
- สิทธิในการเปลี่ยนมือหรือการโอนสิทธิในหุ้นของตน
- สิทธิในการได้รับทราบข้อมูลข่าวสารที่มีนัยสำคัญของบริษัทอย่างสม่ำเสมอและเพียงพอ
- สิทธิในการเข้าร่วมประชุม เพื่อออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท
- สิทธิในการแต่งตั้งหรือถอดถอนกรรมการบริษัท
- สิทธิในการพิจารณาค่าตอบแทนของกรรมการบริษัท
- สิทธิในการรับส่วนแบ่งกำไรของบริษัท
- สิทธิในการเข้าร่วมตัดสินใจ และทราบถึงผลของการตัดสินใจของบริษัท ที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในปัจจัยพื้นฐานของบริษัท อันได้แก่
- การขาย หรือโอนกิจการของบริษัททั้งหมด หรือบางส่วนที่สำคัญ ให้แก่บุคคลอื่น
- การซื้อ หรือรับโอนกิจการของบริษัทอื่น หรือบริษัทเอกชน มาเป็นของบริษัท
- การทำ แก้ไข หรือเลิกสัญญาเกี่ยวกับการให้เช่ากิจการของบริษัททั้งหมด หรือบางส่วนที่สำคัญ การมอบหมายให้บุคคลอื่นเข้ามาจัดการธุรกิจของบริษัท หรือการรวมกิจการกับบุคคลอื่นโดยมีวัตถุประสงค์จะแบ่งกำไรขาดทุนกัน
- การเปลี่ยนแปลงหนังสือบริคณห์สนธิ หรือข้อบังคับของบริษัท หรือข้อกำหนดอื่นๆ ที่มีลักษณะเดียวกัน
- การเพิ่มทุน หรือลดทุนของบริษัท
- การควบ หรือเลิกบริษัท
- การออกหุ้นกู้
- รายการพิเศษอื่นๆ ที่มิใช่รายการที่เกิดขึ้นตามปกติ
2. การประชุมผู้ถือหุ้น
ผู้ถือหุ้นมีโอกาสอย่างเต็มที่ในการเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น และออกเสียงลงมติในที่ประชุม โดยมีการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันทุกราย และจะไม่กระทำการใดๆ ที่เป็นการจำกัดสิทธิในการเข้าถึงสารสนเทศของบริษัท หรือการเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น โดยบริษัทมีการดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประชุมผู้ถือหุ้นดังต่อไปนี้
ก่อนการประชุมผู้ถือหุ้น
- ผู้ถือหุ้นส่วนน้อยสามารถเสนอเรื่องเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมผู้ถือหุ้น และสามารถเสนอชื่อบุคคลผู้มีคุณสมบัติเพื่อรับการพิจารณาแต่งตั้งเป็นกรรมการบริษัทได้ก่อนวันประชุม ตามหลักเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด
- หนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้นและเอกสารประกอบการพิจารณามีข้อมูลที่สำคัญครบถ้วนและชัดเจน โดยจัดทำทั้งในรูปแบบภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
- เผยแพร่หนังสือเชิญประชุมสามัญผู้ถือหุ้นและเอกสารประกอบการประชุมต่างๆ ล่วงหน้าก่อนวันประชุมอย่างน้อย 30 วัน ทางเว็บไซต์ของบริษัท www.kce.co.th และมีการแจ้งผ่านระบบข่าวของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
- จัดส่งหนังสือเชิญประชุมสามัญผู้ถือหุ้นและเอกสารประกอบการประชุมต่างๆ ให้ผู้ถือหุ้นล่วงหน้าก่อนวันประชุมอย่างน้อย 21 วัน เพื่อให้ผู้ถือหุ้นมีเวลาเพียงพอในการศึกษาข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงคะแนนในวาระต่างๆ
- ผู้ถือหุ้นสามารถส่งคำถามเกี่ยวกับวาระในการประชุมผู้ถือหุ้นล่วงหน้ามาที่เลขานุการบริษัท ทางอีเมลล์ tanyarat@kce.co.th หรือ ทางไปรษณีย์ตามที่อยู่ดังนี้
สำนักบริหาร
บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน)
72, 72/1-3 นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง
ถนนฉลองกรุง แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง
กรุงเทพฯ 10520
วันประชุมผู้ถือหุ้น
- กำหนดวัน เวลา สถานที่ในการจัดประชุมผู้ถือหุ้น โดยคำนึงถึงความสะดวกของผู้ถือหุ้นที่จะเข้าประชุม
- นำระบบคอมพิวเตอร์ และบาร์โค้ด มาใช้ในการลงทะเบียนและนับคะแนนเสียง เพื่อความสะดวกรวดเร็ว และความถูกต้อง เชื่อถือได้ของข้อมูล
- สนับสนุนให้ผู้ถือหุ้นใช้บัตรลงคะแนนเสียงในทุกวาระ
- ผู้ถือหุ้นที่ไม่สามารถเข้าร่วมประชุมด้วยตนเอง สามารถออกเสียงลงคะแนนโดยการมอบฉันทะให้กรรมการอิสระของบริษัทหรือบุคคลอื่นที่ผู้ถือหุ้นเห็นสมควรเข้าร่วมประชุมแทนได้
- ชี้แจงให้ผู้ถือหุ้นทราบหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการควบคุมการประชุมผู้ถือหุ้น และการออกเสียงลงคะแนนอย่างชัดเจนตั้งแต่เริ่มประชุม
- ไม่เพิ่มวาระการประชุมนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้น หรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่สำคัญโดยไม่แจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบล่วงหน้า
- กรรมการและผู้บริหารของบริษัทเข้าร่วมการประชุมผู้ถือหุ้น และเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นสามารถซักถาม แสดงความคิดเห็น และขอรับการชี้แจงจากคณะกรรมการ ผู้บริหาร หรือผู้สอบบัญชีในวาระที่เกี่ยวข้อง
- เปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นสามารถลงคะแนนเสียงเลือกตั้งกรรมการเป็นรายบุคคล
- ตรวจนับคะแนนเสียงและเปิดเผยผลการลงคะแนนในแต่ละวาระให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอย่างชัดเจนและโปร่งใส
หลังการประชุมผู้ถือหุ้น
- แจ้งมติที่ประชุมและผลการลงคะแนนแต่ละวาระผ่านระบบข่าวของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
- จัดทำรายงานการประชุมที่มีสาระสำคัญครบถ้วน เพื่อจัดส่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเผยแพร่บนเว็บไซต์บริษัทภายใน 14 วันนับแต่วันประชุม
- เผยแพร่รายงานการประชุมผู้ถือหุ้นทางเว็บไซต์ของบริษัท และมีการแจ้งผ่านระบบข่าวของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
- เผยแพร่บันทึกภาพการประชุมผู้ถือหุ้นในลักษณะสื่อวิดีทัศน์ผ่านเว็บไซต์ของบริษัทหรือจัดทำเป็นแผ่น VCD
หมวดที่ 2: การปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียมกัน
บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของผู้ถือหุ้นและมีการปฎิบัติตามแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดีโดยไม่คำนึงถึงเพศ อายุ เชื้อชาติ สัญชาติ ศาสนา ความเชื่อ ความคิดเห็นทางการเมือง บริษัทฯ มีนโยบายการปฎิบัติต่อผู้ถือหุ้นทุกราย ไม่ว่าจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่หรือรายย่อย ผู้ถือหุ้นต่างชาติ หรือนักลงทุนสถาบัน ให้ได้รับการปฎิบัติอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมในการใช้สิทธิ และได้ดำเนินการต่างๆ ดังนี้
1. เปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นมอบฉันทะในการเข้าร่วมการประชุมสามัญผู้ถือหุ้
เพื่อรักษาสิทธิของผู้ถือหุ้น ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นไม่สามารถเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นได้ด้วยตนเอง บริษัทฯเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นมอบฉันทะให้บุคคลอื่นหรือกรรมการอิสระของบริษัท เข้าร่วมประชุมและออกเสียงลงคะแนนแทนได้ โดยชี้แจงรายละเอียดเงื่อนไขการมอบฉันทะในการเข้าร่วมประชุมไว้ในเอกสารเชิญประชุม โดยให้ข้อมูลทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รวมทั้งเอกสารที่จัดส่งให้กับผู้ถือหุ้นต่างชาติจะได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษ
2. การอำนวยความสะดวกแก่ผู้ถือหุ้น
บริษัทฯ ปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นทุกรายอย่างเท่าเทียมกันทั้งผู้ถือหุ้นรายใหญ่ รายย่อย และผู้ถือหุ้นต่างชาติ ไม่มีการปฏิบัติใดๆที่มีลักษณะเป็นการจำกัดสิทธิในการเข้าร่วมประชุมของผู้ถือหุ้น ผู้ถือหุ้นทุกคนย่อมมีสิทธิเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นตลอดระยะเวลาการประชุม ในการประชุมมีการจัดสรรเวลาอย่างเพียงพอและเหมาะสมในแต่ละวาระ มีการเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นใช้สิทธิอย่างเท่าเทียมกันในการซักถามและแสดงความคิดเห็น และได้ใช้สิทธิแต่งตั้งกรรมการเป็นรายบุคคล
บริษัทฯ จัดให้มีเจ้าหน้าที่คอยดูแล ต้อนรับและอำนวยความสะดวกให้กับผู้ถือหุ้น อธิบายขั้นตอนการลงทะเบียน การเก็บบัตรลงคะแนนเสียง การส่งคำถาม และให้ความช่วยเหลือผู้ถือหุ้นในด้านอื่นๆ และจัดให้มีการเลี้ยงรับรองที่เหมาะสมแก่ผู้ถือหุ้นที่มาร่วมประชุม
3. การกำกับดูแลเพื่อป้องกันการใช้ข้อมูลภายใน
บริษัทฯ กำหนดให้มีนโยบายในการควบคุมเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลภายในและการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท (INSIDE TRADING) เพื่อให้เกิดความเสมอภาคและยุติธรรมแก่ผู้ถือหุ้นทุกราย และป้องกันมิให้กรรมการและผู้บริหารหาผลประโยชน์ให้กับตนเองหรือผู้อื่นในทางมิชอบ ทั้งนี้ เพื่อป้องกันมิให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน ต้องไม่ซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ในช่วงก่อนเปิดเผยงบการเงินแก่สาธารณชน เป็นเวลา 1 เดือน และหลังประกาศงบการเงินเป็นเวลา 3 วัน และกำหนดให้กรรมการและผู้บริหารมีหน้าที่จัดทำและเปิดเผยรายงานการถือหลักทรัพย์ ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงการถือครองหลักทรัพย์ของบริษัทฯต่อห่วยงานกำกับดูแลให้รับทราบตามเกณฑ์ที่กำหนด และจัดส่งรายงานดังกล่าวให้แก่คณะกรรมการเป็นประจำ ทั้งนี้ หาก กรรมการ ผู้บริหารและพนักงานรายใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามนโยบายด้านการดูแลการใช้ข้อมูลภายในที่กล่าวข้างต้นนี้ ถือเป็นความผิดทางวินัยตามระเบียบบริษัท และอาจมีโทษตามกฎหมาย
4. การกำกับดูแลด้านความขัดแย้งทางผลประโยชน์และการทำรายการระหว่างกัน
บริษัทมีนโยบายที่จะไม่ให้กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานทุกคน ใช้โอกาสจากการเป็นกรรมการ ผู้บริหาร หรือพนักงานบริษัท แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน โดยห้ามไม่ให้มีการประกอบธุรกิจที่แข่งขันกับบริษัทและ หลีกเลี่ยงการทำรายการที่เกี่ยวโยงกับตนเอง หรือบุคคล/นิติบุคคลที่เกี่ยวข้องที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์กับบริษัท หรือในกรณีที่จำเป็นต้องทำรายการเช่นนั้น คณะกรรมการบริษัทมีหน้าที่ดูแลให้บริษัทมีการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการและการเปิดเผยข้อมูลรายการที่เกี่ยวโยงกันตามที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องทำรายการที่เกี่ยวโยง รายการนั้นจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขการค้าทั่วไปตามหลักการที่คณะกรรมการบริษัทอนุมัติ ด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรม เสมอเหมือนกับการทำรายการกับบุคคลภายนอกและคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของบริษัท ทั้งนี้ ในกรณีที่เป็นรายการที่เกี่ยวโยงที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขการค้าทั่วไปซึ่งอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ต้องผ่านการสอบทานและให้ความเห็นจากคณะกรรมการตรวจสอบ ก่อนนำเสนอขออนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทหรือผู้ถือหุ้น
หมวดที่ 3 : บทบาทของผู้มีส่วนได้เสีย
บริษัทตระหนักถึงความรับผิดชอบที่มีต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม โดยส่งเสริมให้มีการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของความเป็นธรรม และยึดถือประโยชน์ร่วมกันระหว่างบริษัทและผู้มีส่วนได้เสียกลุ่มต่างๆ เป็นสำคัญ โดยมีการกำหนดนโยบายที่ชัดเจนในการปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายอย่างเป็นธรรม และห้ามไม่ให้กระทำการใดๆที่เป็นการละเมิดสิทธิของผู้มีส่วนได้เสีย ดังนี้
3.1 การปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้เสียกลุ่มหลักๆของบริษัท
- ผู้ถือหุ้น: สร้างการเติบโตที่มีคุณภาพและผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหุ้น โดยมีผลการดำเนินงานที่ดีและมีประสิทธิภาพ มีระบบการตรวจสอบภายในและระบบการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิผล เคารพสิทธิของผู้ถือหุ้นในการได้รับข้อมูลที่จำเป็นโดยเท่าเทียมกัน เปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้องตามความเป็นจริง ดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส เป็นธรรม
- พนักงาน: ดูแลและปฏิบัติต่อพนักงานอย่างเป็นธรรมและเหมาะสม ทั้งในด้านโอกาสในความก้าวหน้า ผลตอบแทนการปฏิบัติงาน สวัสดิการต่างๆ การแต่งตั้งโยกย้าย การพัฒนาศักยภาพ ตลอดจนการควบคุมดูแลสภาพแวดล้อมในการทำงานให้มีความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของพนักงาน เปิดรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากพนักงาน และมีการปฏิบัติต่อพนักงานทุกระดับด้วยความเป็นธรรมโดยไม่เลือกปฏิบัติ และเคารพในหลักสิทธิมนุษยชนสากล
- ลูกค้า: สร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าด้วยการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและบริการที่ดี โดยปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างเป็นธรรมและเหมาะสม ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการบริการอย่างครบถ้วน ถูกต้อง และไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง สำรวจความพึงพอใจของลูกค้า เพื่อนำผลที่ได้มาพัฒนาปรับปรุงการให้บริการอย่างต่อเนื่อง
- คู่ค้า: ปฏิบัติกับคู่ค้าด้วยความเสมอภาคและคำนึงถึงผลประโยชน์ร่วมกัน พัฒนาและรักษาสัมพันธภาพ ที่ยั่งยืนกับคู่ค้า และสร้างความเชื่อถือซึ่งกันและกัน โดยบริษัทยึดถือปฏิบัติตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและความเป็นอิสระระหว่างบริษัทและคู่ค้าในระบบการจัดหาที่โปร่งใส มีขั้นตอนที่สามารถตรวจสอบได้ มีการปฏิบัติตามเงื่อนไขทางการค้าและสัญญาที่ตกลงกันไว้
- เจ้าหนี้: ปฏิบัติต่อเจ้าหนี้ทุกกลุ่มอย่างเสมอภาคและเป็นธรรม และปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้อย่างเคร่งครัด ให้ความช่วยเหลือในลักษณะเอื้ออำนวยผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน เพื่อผลสำเร็จทางธุรกิจโดยรวม รวมทั้งให้ข้อมูลที่เป็นจริงและบอกถึงความเสี่ยงที่อาจเป็นไป ควบคุมให้มีการชำระคืนเงินกู้และดอกเบี้ยให้กับเจ้าหนี้เงินกู้ยืมทุกประเภทอย่างครบถ้วนตามกำหนดเวลา และปฏิบัติตามเงื่อนไขการกู้ยืมเงินตามข้อตกลงอย่างครบถ้วน
- คู่แข่งทางการค้า: ดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบกติกาของการแข่งขันที่เป็นธรรม ไม่แสวงหาข้อมูลที่เป็นความลับของคู่แข่งทางการค้าด้วยวิธีการที่ไม่สุจริตหรือไม่เหมาะสม และไม่กระทำการใดๆ ที่เป็นการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น หรือคู่แข่งทางการค้า
- สิ่งแวดล้อม สังคมและชุมชน: ปฏิบัติตามกฎหมาย และ/หรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ดูแลป้องกันมิให้การดำเนินงานของบริษัทก่อให้เกิดความเสียหายต่อคุณภาพชีวิตของสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมและสร้างสรรค์สังคม ทั้งในส่วนของการพัฒนาคุณภาพชีวิต การส่งเสริมด้านการศึกษา การประหยัดพลังงาน และการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อความเจริญก้าวหน้าต่อสังคมโดยรวม
3.2 การปฏิบัติต่อสิทธิมนุษยชน
บริษัทยอมรับในสิทธิความเป็นมนุษย์ของประชาชนทุกคนโดยไม่มีการแบ่งแยกหรือคำนึงถึงความแตกต่าง ยอมรับในการใช้สิทธิของพนักงานตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายทั่วไปหรือรัฐธรรมนูญ ตลอดจนจะไม่กระทำการใดๆที่จะเป็นการขัดขวางการใช้สิทธิ บริษัทมีนโยบายอย่างชัดเจนในการส่งเสริมและสนับสนุนหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด และไม่กระทำการใดที่เป็นการละเมิดต่อหลักสิทธิมนุษยชน
3.3 การปฏิบัติเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา หรือลิขสิทธิ์
บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของทรัพย์สินทางปัญญาซึ่งเป็นผลงานที่เกิดจากความรู้ ความสามารถของบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ บริษัทต้องตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลหรือผลงานต่างๆ ที่ถูกนำมาใช้ในบริษัทนั้น จะต้องไม่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่นโดยเด็ดขาด บริษัทไม่อนุญาตให้พนักงานใช้ซอฟท์แวร์ที่ละเมิดลิขสิทธิ ผิดกฎหมาย ในการทำงานในทุกกรณี พนักงานที่ปฏิบัติงานโดยใช้คอมพิวเตอร์ของบริษัท จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดจากเจ้าของลิขสิทธิและใช้เฉพาะเท่าที่ได้รับอนุญาตจากบริษัทเท่านั้น
ทั้งนี้ บริษัทต้องจัดให้มีช่องทางการรับข้อเสนอแนะและข้อร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยมีกระบวนการจัดการกับข้อเสนอแนะและข้อร้องเรียนอย่างรวดเร็ว เป็นธรรม และโปร่งใส
หมวดที่ 4 : การเปิดเผยข้อมูล และความโปร่งใส
1. การเปิดเผยข้อมูล
- ให้ความสำคัญต่อการเปิดเผยข้อมูลที่มีความถูกต้อง ครบถ้วน โปร่งใส ทั่วถึง และทันเวลา ทั้งข้อมูลทางการเงินและข้อมูลที่ไม่ใช่ทางการเงิน เพื่อให้นักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายมีข้อมูลที่เชื่อถือได้และเพียงพอประกอบการตัดสินใจอย่างสม่ำเสมอ
- เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของบริษัท ที่เป็นประโยชน์แก่นักลงทุนรายย่อย นักลงทุนสถาบัน นักวิเคราะห์ และบุคคลทั่วไป ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อย่างเท่าเทียม เป็นธรรม และทั่วถึง ผ่านหลายช่องทางการสื่อสาร เช่น เว็บไซต์ของบริษัท ระบบการแจ้งข่าวผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การแถลงผลประกอบการประจำไตรมาส การแถลงแผนงานในการดำเนินธุรกิจของบริษัท รายงานประจำปี เป็นต้น
- ข้อมูลที่สำคัญที่มีการเปิดเผยต่อสาธารณชน อาทิ แบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี (แบบ 56-1) รายงานประจำปี (แบบ 56-2) ข้อมูลทางการเงิน ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่และสิทธิในการออกเสียง ข้อมูลเกี่ยวกับกรรมการและคณะกรรมการชุดย่อยชุดต่างๆ สารสนเทศแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นโยบายการจ่ายเงินปันผล นโยบายการกำกับดูแลกิจการของบริษัท จรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจ กิจกรรมและแผนการดำเนินงานต่างๆ ของบริษัท เป็นต้น
2. ผู้มีหน้าที่ในการเปิดเผยข้อมูล
- ประธานกรรมการบริษัทเป็นผู้เปิดเผยข้อมูลของบริษัท แถลงข่าวสารของบริษัท หรือประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับข้อมูลสำคัญของบริษัท ประธานกรรมการอาจมอบหมายให้กรรมการผู้จัดการ กรรมการบริษัท หรือผู้บริหารแต่ละสายงาน เป็นผู้เปิดเผยข้อมูลของบริษัท หรือรับหน้าที่ในการแถลงข่าวที่เป็นประเด็นสำคัญของบริษัทแก่นักลงทุน นักวิเคราะห์ หรือสื่อมวลชน ทั้งนี้ โดยต้องยึดถือหลักการด้านความถูกต้อง ครบถ้วน ทันต่อเวลา และเท่าเทียมกัน
- เลขานุการบริษัท รับผิดชอบในการเปิดเผยสารสนเทศที่สำคัญต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ผู้ถือหุ้น และนักลงทุน
- ผู้บริหารระดับสูงในสายงานการเงิน และหน่วยงานนักลงทุนสัมพันธ์ รับผิดชอบในการให้ข้อมูลและตอบข้อซักถามของผู้ถือหุ้น นักลงทุน นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ และบุคคลทั่วไป เกี่ยวกับข้อมูลทางการเงิน ผลการดำเนินงาน ลักษณะการประกอบธุรกิจ นโยบายบริษัท แผนงานและการลงทุน โครงสร้างการถือหุ้น ปัจจัยที่อาจมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของผลการดำเนินงานที่สำคัญ
- ผู้ที่ไม่มีหน้าที่รับผิดชอบในการเปิดเผยข้อมูลของบริษัท หรือ ไม่ใช่ผู้ที่ได้รับมอบหมายจากประธานกรรมการบริษัท หรือจากกรรมการผู้จัดการ ห้ามเปิดเผยข้อมูลภายในที่อาจมีผลกระทบต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของบริษัท รวมถึงข้อมูลที่อาจมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาและปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท
3. ผู้สอบบัญชี และการจัดทำรายงานทางการเงิน
งบการเงินของบริษัทและบริษัทย่อยได้รับการตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีที่มีความเป็นอิสระ มีความรู้ความชำนาญ และมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กำหนด เพื่อให้ความมั่นใจแก่คณะกรรมการบริษัทและผู้ถือหุ้นว่างบการเงินของบริษัทและบริษัทย่อยสะท้อนฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทได้ตามความเป็นจริง โดยบริษัทมีนโยบายในการเปลี่ยนแปลงผู้สอบบัญชีทุกรอบระยะเวลา 5 ปี เพื่อให้การให้ความเห็นของผู้สอบบัญชีมีความเป็นอิสระอย่างแท้จริง
คณะกรรมการบริษัทให้ความสำคัญและรับผิดชอบต่องบการเงินของบริษัทและบริษัทย่อย ซึ่งจัดทำขึ้นตามมาตรฐานและหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป โดยใช้นโยบายการบัญชีที่เหมาะสมตามหลักความระมัดระวัง ถูกต้องและครบถ้วน เพื่อให้สามารถสะท้อนผลการดำเนินงานของบริษัทตามความเป็นจริง คณะกรรมการบริษัทจัดให้มีการรายงานผลการดำเนินงาน และเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญอย่างโปร่งใสและเพียงพอ โดยรายงานต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์ของผู้ถือหุ้นและนักลงทุน นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทได้แต่งตั้งให้คณะกรรมการตรวจสอบมีหน้าที่สอบทานความน่าเชื่อถือและความถูกต้องของรายงานทางการเงิน รวมทั้งระบบควบคุมภายในให้เป็นไปอย่างเพียงพอและเหมาะสม เพื่อให้มั่นใจว่างบการเงินของบริษัทสามารถเชื่อถือได้
หมวดที่ 5: ความรับผิดชอบของคณะกรรมการ
1. โครงสร้างคณะกรรมการบริษัท
- คณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการจำนวนไม่น้อยกว่า 5 คน โดยต้องประกอบด้วยกรรมการอิสระอย่างน้อย 1 ใน 3 ของจำนวนกรรมการทั้งหมด แต่ต้องไม่น้อยกว่า 3 คน และกรรมการไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด ต้องมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร
- คณะกรรมการเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานกรรมการ ในกรณีที่คณะกรรมการเห็นสมควร จะเลือกกรรมการคนหนึ่งหรือหลายคนเป็นรองประธานกรรมการก็ได้ โดยรองประธานกรรมการมีหน้าที่ตามข้อบังคับบริษัทซึ่งประธานกรรมการมอบหมาย
- ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการไม่เป็นบุคคลเดียวกัน เพื่อให้มีการแบ่งแยกบทบาทอย่างชัดเจนและมีการถ่วงดุลอำนาจในการดำเนินงาน
- การแต่งตั้งกรรมการบริษัทให้เป็นไปตามกฎหมายข้อบังคับและระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยจะต้องดำเนินการด้วยความโปร่งใสและชัดเจน
- กรณีที่มีกรรมการครบวาระออกจากตำแหน่งกรรมการ ให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาแต่งตั้งกรรมการโดยมติการแต่งตั้งกรรมการ ต้องได้รับคะแนนเสียงข้างมากของผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและออกเสียงลงคะแนน ถ้ามีคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
- กรณีที่ตำแหน่งกรรมการว่างลงเนื่องจากเหตุอื่นนอกจากการครบวาระออกจากตำแหน่งกรรมการให้คณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายเข้าเป็นกรรมการแทนในการประชุมคณะกรรมการคราวถัดไป เว้นแต่วาระของกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งจะเหลือน้อยกว่า 2 เดือน โดยบุคคลซึ่งเข้าเป็นกรรมการแทนจะอยู่ในตำแหน่งกรรมการได้เพียงเท่าวาระที่ยังเหลืออยู่ของกรรมการซึ่งตนแทน ทั้งนี้ มติการแต่งตั้งบุคคลเข้าเป็นกรรมการแทนดังกล่าว ต้องได้รับคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนกรรมการที่ยังเหลืออยู่
- โครงสร้างคณะกรรมการประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความสามารถที่หลากหลาย มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจ โดยไม่จำกัดเพศ เชื้อชาติ ศาสนา อายุ หรือทักษะทางวิชาชีพ
2. คุณสมบัติของกรรมการ
- กรรมการต้องเป็นบุคคลธรรมดา และ
- บรรลุนิติภาวะ
- ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
- ไม่เคยรับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกในความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ได้กระทำโดยทุจริต
- ไม่เคยถูกลงโทษไล่ออก หรือปลดออกจากราชการ หรือองค์การ หรือหน่วยงานของรัฐ ฐานทุจริตต่อหน้าที่
- กรรมการต้องมีความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจ มีคุณธรรม มีความซื่อสัตย์ และมีเวลาอย่างเพียงพอที่จะอุทิศให้กับการปฏิบัติหน้าที่กรรมการอย่างเต็มที่
- กรรมการสามารถดำรงตำแหน่งกรรมการในกิจการอื่นได้ แต่ต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่กรรมการของบริษัท โดยกำหนดให้กรรมการควรดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ไม่เกิน 5 บริษัท และจำกัดจำนวนบริษัทจดทะเบียนและบริษัทย่อยที่ไม่ใช่บริษัทจดทะเบียนที่กรรมการแต่ละคนจะดำรงตำแหน่งกรรมการได้ไม่เกิน 5 บริษัท
- กรรมการต้องไม่กระทำการใดๆ ที่มีลักษณะเข้าไปบริหารหรือจัดการในกิจการอื่น อันจะก่อให้เกิดการบั่นทอนผลประโยชน์ของบริษัท หรือเอื้อประโยชน์ให้บุคคลหรือนิติบุคคลใด ไม่ว่าจะทำเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่น
3. วาระการดำรงตำแหน่งกรรมการ
- กำหนดให้กรรมการแต่ละคนมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 3 ปี
- ในการประชุมสามัญประจำปีทุกครั้ง ให้กรรมการออกจากตำแหน่ง 1 ใน 3 ของจำนวนกรรมการทั้งหมด ถ้าจำนวนกรรมการที่จะแบ่งออกให้ตรงเป็นสามส่วนไม่พอดี ให้ออกจำนวนใกล้ที่สุดกับส่วน 1 ใน 3
- กรรมการที่ครบกำหนดวาระ อาจได้รับการพิจารณาเลือกตั้งให้เป็นกรรมการบริษัทต่อไปได้
- นอกจากการพ้นตำแหน่งตามวาระแล้ว กรรมการจะพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
- ตาย
- ลาออก
- ขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายหรือข้อบังคับของบริษัท
- ที่ประชุมผู้ถือหุ้นลงมติให้ออกจากตำแหน่ง ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียง และมีหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนหุ้นที่ถือโดยผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียง
- ศาลมีคำสั่งให้ออก
- กรรมการที่ประสงค์จะลาออกจากตำแหน่ง ให้ยื่นใบลาออกต่อบริษัท
4. การสรรหากรรมการ
- คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนเป็นผู้สรรหาและพิจารณากลั่นกรองบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสม สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการบริษัทให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณา
- ขั้นตอนและการดำเนินการสรรหาเป็นไปอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นธรรม ภายใต้กฎหมายและข้อกำหนดว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ บริษัทมหาชนจำกัด กฎบัตรคณะกรรมการบริษัท และนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดี ตลอดจนหลักเกณฑ์อื่นที่เกี่ยวข้อง (รายละเอียดได้แสดงไว้ในหัวข้อ “การสรรหากรรมการ”)
5. หน้าที่ความรับผิดชอบของคณะกรรมการ
- บริหารกิจการให้เป็นไปเพื่อประโยชน์ที่ดีที่สุดแก่ผู้ถือหุ้น (Fiduciary Duty) โดยยึดถือแนวปฎิบัติสำคัญ 4 ประการ คือ
1.1 การปฎิบัติหน้าที่ด้วยความรอบคอบระมัดระวัง (Duty of Care)
1.2 การปฎิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต (Duty of Loyalty)
1.3 การปฎิบัติตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ ข้อบังคับ และมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น (Duty of Obedience)
1.4 การเปิดเผยข้อมูลต่อผู้ถือหุ้นอย่างถูกต้อง ครบถ้วน และโปร่งใส (Duty of Disclose) - กำหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ นโยบาย แผนการดำเนินงาน แผนงบประมาณ และควบคุมการปฏิบัติงานของฝ่ายบริหารให้เป็นไปตามนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพและก่อประสิทธิผลเพื่อความมั่นคงและผลประโยชน์ที่สมดุลย์และยั่งยืนของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
- กำกับดูแลและสอบทานให้มีระบบรายงานทางการเงินที่โปร่งใส ถูกต้อง และเพียงพอ
- ปฏิบัติตามหลักการการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทอย่างเคร่งครัด
- พิจารณาค่าตอบแทนกรรมการและผู้บริหารให้เกิดประโยชน์สูงสุดและยั่งยืนต่อบริษัทและผู้ถือหุ้น
- กำกับดูแลกระบวนการแต่งตั้งและเลือกตั้งกรรมการบริษัทให้มีความโปร่งใสและชัดเจน
- กำหนดนโยบายด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดี และกำกับดูแลและพัฒนาบรรษัทภิบาลของบริษัทเพื่อให้ไปสู่มาตรฐานที่ยอมรับในระดับสากล
- พิจารณาอนุมัติรายการที่สำคัญตามขอบเขตอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ตามที่กฎหมายและข้อบังคับของบริษัทกำหนด รวมถึงพิจารณาอนุมัติงบประมาณรายจ่ายลงทุนที่มีวงเงินมากกว่า 400 ล้านบาท
- พิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการชุดย่อยต่างๆ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานตามความรับผิดชอบของคณะกรรมการตามความเหมาะสมและความจำเป็น โดยมีการติดตามผลการดำเนินงานของคณะกรรมการชุดย่อยอย่างสม่ำเสมอ
- จัดให้มีหน่วยงานตรวจสอบภายใน และระบบการควบคุมภายใน ที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
- จัดให้มีกระบวนการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถประเมิน ติดตาม และบริหารความเสี่ยงที่สำคัญได้
- จัดให้มีเลขานุการบริษัทเพื่อช่วยดูแลกิจกรรมต่างๆ ของคณะกรรมการและช่วยให้คณะกรรมการและบริษัทปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง
- จัดให้มีจรรยาบรรณของกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน เพื่อเป็นมาตรฐานความประพฤติที่เหมาะสม และเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจของบริษัท
- จัดให้มีการดำเนินงานตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี และสนับสนุนให้มีการสื่อสารไปสู่พนักงานทุกระดับในองค์กรให้ได้รับทราบและยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
- จัดให้มีกระบวนการที่ชัดเจนและโปร่งใสเกี่ยวกับการทำรายการระหว่างกัน
- จัดให้มีกระบวนการป้องกันการทุจริต คอรรัปชั่น
- จัดให้มีการกำหนดแผนการสืบทอดตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของบริษัท
- จัดให้มีการทบทวนและปรับปรุงนโยบายและแผนงานที่สำคัญต่างๆ ให้เป็นปัจจุบันและเหมาะสมกับสภาพธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ
- จัดให้มีการทบทวนและแก้ไขกฎบัตรคณะกรรมการบริษัทให้สอดคล้องกับสถานการณ์
- ประเมินผลการฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการบริษัทเป็นประจำทุกปีโดยรวม และประเมินตนเองเป็นรายบุคคล
- เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการบริษัทและการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย โดยกรรมการที่ไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ จะต้องแจ้งให้กรรมการบริษัทหรือเลขานุการบริษัททราบล่วงหน้าก่อนการประชุม
- ปฏิบัติหน้าที่อื่นใดเกี่ยวกับกิจการของบริษัทตามที่ผู้ถือหุ้นมอบหมาย
6. การแต่งตั้งคณะกรรมการชุดย่อย
คณะกรรมการบริษัทจะแต่งตั้งคณะกรรมการชุดย่อย เพื่อช่วยกำกับดูแลและกลั่นกรองงานที่มีความสำคัญในด้านต่างๆ โดยกำหนดให้รายงานผลการปฏิบัติงานต่อคณะกรรมการบริษัทเป็นประจำ คณะกรรมการชุดย่อยประกอบด้วย
- คณะกรรมการตรวจสอบ
คณะกรรมการตรวจสอบ ซึ่งผ่านการแต่งตั้งจากคณะกรรมการบริษัทประกอบด้วย กรรมการอิสระอย่างน้อย 3 คน และอย่างน้อย 1 คนต้องเป็นผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์เพียงพอจะสอบทานความน่าเชื่อถือของงบการเงินได้ โดยคณะกรรมการตรวจสอบมีหน้าที่สอบทานให้บริษัทมีการรายงานทางการเงินอย่างถูกต้อง ครบถ้วน เพียงพอ เชื่อถือได้ และทันเวลา พิจารณารายการที่เกี่ยวโยงกันและรายการที่อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ให้เป็นไปตามกฎหมาย เพื่อให้มั่นใจว่ารายการมีความสมเหตุสมผลและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อบริษัท โดยเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวให้ถูกต้องและครบถ้วน สอบทานให้บริษัทมีระบบควบคุมภายในและการตรวจสอบภายในที่มีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ พิจารณาคัดเลือกผู้สอบบัญชีและสอบทานรายงานซึ่งผู้สอบบัญชีได้จัดทำ ดูแลติดตามให้มีการปฏิบัติตามข้อกำหนดและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสนับสนุนและส่งเสริมให้บริษัทมีกระบวนการกำกับดูแลกิจการที่ดี และมีกระบวนการบริหารความเสี่ยงอย่างเป็นระบบมาตรฐานและมีประสิทธิภาพ - คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน
คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนซึ่งผ่านการแต่งตั้งจากคณะกรรมการบริษัท ประกอบด้วยกรรมการไม่น้อยกว่า 3 คน โดยมีกรรมการอิสระจำนวนเกินกว่ากึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งคณะ และประธานกรรมการต้องเป็นกรรมการอิสระ โดยคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนมีหน้าที่ ดังนี้
หน้าที่ในการสรรหา : พิจารณาโครงสร้าง ขนาด และองค์ประกอบคณะกรรมการบริษัทให้มีความเหมาะสมกับองค์กร และสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป พิจารณานโยบายการสรรหากรรมการและผู้บริหารระดับสูง สรรหา คัดเลือกและเสนอบุคคลที่ทรงคุณวุฒิ มีคุณธรรม จริยธรรมและคุณสมบัติเหมาะสมที่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการและ/หรือผู้บริหารแล้วแต่กรณี เปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยเสนอรายชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการบริษัท ดูแลให้มีแผนสืบทอดตำแหน่งที่เฉพาะเจาะจงของผู้บริหารระดับสูง ตลอดจนปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องอื่นตามที่คณะกรรมการบริษัทมอบหมาย
หน้าที่ในการกำหนดค่าตอบแทน : พิจารณารูปแบบและหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนและผลประโยชน์ตอบแทนอื่นๆ แก่กรรมการบริษัท กรรมการชุดย่อย และกรรมการผู้จัดการให้มีความชัดเจน เป็นธรรม เหมาะสมกับหน้าที่ความรับผิดชอบ และปัจจัยแวดล้อมอื่นที่เกี่ยวข้อง พิจารณากำหนดค่าตอบแทนแก่กรรมการบริษัทและกรรมการชุดย่อยเพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทและที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติ รวมทั้งพิจารณากำหนดเป้าหมายและประเมินผลการปฏิบัติงานของกรรมการผู้จัดการ เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทพิจารณา ตลอดจนปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องอื่นตามที่คณะกรรมการบริษัทมอบหมาย - คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง
คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงระดับองค์กรซึ่งผ่านการแต่งตั้งจากคณะกรรมการบริษัท โดยประกอบด้วยกรรมการที่เป็นตัวแทนจากฝ่ายบริหาร โดยมีประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ เป็นประธานกรรมการ คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงระดับองค์กรมีหน้าที่พิจารณานโยบาย กลยุทธ์ โครงสร้าง และกรอบการจัดวางระบบการบริหารความเสี่ยงในระดับองค์กร สนับสนุนการบริหารงานของผู้บริหารระดับสูงโดยกำหนดโครงสร้างของการบริหารความเสี่ยงให้ครอบคลุมทั้งองค์กร พิจารณาปัจจัยเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อธุรกิจให้ครอบคลุมทุกมิติ สอบทานความเสี่ยง ติดตาม และประเมินความเพียงพอ ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการจัดการความเสี่ยงในภาพรวมระดับกลยุทธ์ ประเมินความเสี่ยงที่อาจมีผลกระทบร้ายแรงต่อองค์กร เพื่อจัดให้มีการดำเนินการที่เหมาะสมในการจัดการความเสี่ยงนั้นๆ ตลอดจน ให้ข้อเสนอแนะและให้ความเห็นชอบในการบริหารความเสี่ยงขององค์กร - คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการ
คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการ ประกอบด้วยกรรมการที่เป็นกรรมการบริษัทและผู้บริหารระดับสูง มีกรรมการอิสระเป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมการ โดยมีหน้าที่กำหนดและทบทวนนโยบาย ข้อกำหนด และวีธีการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี กำหนดนโยบายและวางแผนเกี่ยวกับกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบต่อสังคม ประชุมติดตามความคืบหน้าของแผนงานบรรษัทภิบาล และความรับผิดชอบต่อสังคม ตรวจประเมินภายในด้วยเกณฑ์บรรษัทภิบาล เพื่อกำหนดประเด็นที่ควรปรับปรุง เป็นตัวแทนบริษัทในการสื่อสารและการดำเนินกิจกรรมด้านบรรษัทภิบาลทั้งกับผู้บริหาร พนักงานและหน่วยงานภายนอก - กรรมการผู้จัดการ
กรรมการผู้จัดการเป็นผู้บริหารสูงสุดของบริษัทที่ได้รับการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการบริษัท มีหน้าที่รับผิดชอบบริหารและจัดการบริษัทให้มีการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ วิสัยทัศน์ และพันธกิจที่กำหนดไว้ โดยมีขอบเขตอำนาจหน้าที่ภายใต้กฎหมาย วัตถุประสงค์ และข้อบังคับของบริษัท ตลอดจนมติคณะกรรมการและมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น ทั้งนี้ กรรมการผู้จัดการอาจจะไปดำรงตำแหน่งกรรมการที่บริษัทอื่นได้ แต่ต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่กรรมการผู้จัดการของบริษัท และกิจการนั้นต้องไม่เป็นธุรกิจประเภทเดียวกัน หรือเป็นการแข่งขันกับธุรกิจของบริษัท โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริษัทก่อนไปดำรงตำแหน่งกรรมการในบริษัทอื่น
7. การประชุมคณะกรรมการ
- คณะกรรมการต้องประชุมเป็นประจำเดือนละครั้ง โดยกำหนดวันประชุมล่วงหน้าตลอดทั้งปี และอาจมีการประชุมวาระพิเศษตามความจำเป็น
- กรรมการอย่างน้อย 2 คนขึ้นไป มีสิทธิร้องขอให้เรียกประชุม ทั้งนี้ ประธานกรรมการหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจะต้องกำหนดวันประชุมภายใน 14 วัน นับแต่วันที่ได้รับการร้องขอ
- การเรียกประชุมคณะกรรมการให้ประธานกรรมการหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายส่งหนังสือนัดประชุม โดยระบุวัน เวลา สถานที่ และกิจการที่จะประชุมไปยังกรรมการทุกคนล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน ก่อนวันประชุม เว้นแต่ในกรณีจำเป็นรีบด่วนเพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ของบริษัทจะแจ้งการนัดประชุมโดยวิธีอื่น และกำหนดวันประชุมให้เร็วกว่านั้นก็ได้
- การประชุมคณะกรรมการ ต้องมีกรรมการเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม ทั้งนี้ ประธานกรรมการจะทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุม หากในการประชุมคราวใดประธานกรรมการไม่อยู่ในที่ประชุมหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม
- การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมคณะกรรมการ ให้ถือเสียงข้างมากโดยกรรมการคนหนึ่งมีเสียงหนึ่งเสียงในการลงคะแนน และถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มมากขึ้นอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด ทั้งนี้ กรรมการที่มีส่วนได้เสียในวาระใดไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนในวาระนั้น
- คณะกรรมการมีอำนาจเชิญฝ่ายจัดการ ผู้บริหาร หรือ บุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องของบริษัทมาให้ความเห็น เข้าร่วมประชุม หรือให้ข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณา
- กรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหารต้องประชุมร่วมกัน โดยไม่มีฝ่ายจัดการเข้าร่วม อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ความรับผิดชอบ
- ให้เลขานุการบริษัทหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายทำหน้าที่จดบันทึกการประชุม
8. เลขานุการบริษัท
เพื่อสนับสนุนและดูแลกิจกรรมต่างๆ ของคณะกรรมการให้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล กำหนดให้เลขานุการบริษัทมีหน้าที่ ดังนี้
- จัดทำและเก็บรักษาเอกสารดังต่อไปนี้
- ทะเบียนกรรมการ
- หนังสือนัดประชุมคณะกรรมการ รายงานการประชุมคณะกรรมการ และรายงานประจำปีของบริษัท
- หนังสือนัดประชุมผู้ถือหุ้น และรายงานการประชุมผู้ถือหุ้น
- เก็บรักษารายงานการมีส่วนได้เสียที่รายงานโดยกรรมการหรือผู้บริหาร
- จัดส่งสำเนารายงานการมีส่วนได้เสียของกรรมการและผู้บริหาร หรือบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องให้ประธานกรรมการและประธานกรรมการตรวจสอบทราบภายใน 7 วันทำการนับแต่วันที่บริษัทได้รับรายงานนั้น
- ดำเนินการอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด
- จัดการประชุมผู้ถือหุ้น และประชุมคณะกรรมการให้เป็นไปตามกฎหมาย ข้อบังคับของบริษัทฯ และข้อพึงปฏิบัติต่างๆ
- ร่างนโยบายด้านการบริหารต่างๆ
- บันทึกรายงานการประชุมผู้ถือหุ้น และการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ รวมทั้งติดตามผลให้มีการปฏิบัติตามมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น และที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ
- ดูแลให้มีการเปิดเผยข้อมูลและรายงานสารสนเทศในส่วนที่รับผิดชอบต่อหน่วยงานที่กำกับบริษัทฯตามระเบียบ และข้อกำหนดของหน่วยงานทางการ
- ดูแลให้บริษัทฯ และคณะกรรมการปฏิบัติตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ของสำนักคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
- ส่งเสริมให้บริษัทฯมีมาตรฐานด้านบรรษัทภิบาลที่เหมาะสม
- ติดต่อสื่อสารกับผู้ถือหุ้นทั่วไปให้ได้รับสิทธิต่างๆของผู้ถือหุ้นและข่าวสารของบริษัทฯ
- ดูแลกิจกรรมของคณะกรรมการบริษัทฯ
9. การประเมินผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ
คณะกรรมการได้จัดให้มีการประเมินตนเองในผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริษัททั้งคณะ เพื่อให้การประเมินผลสามารถสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีและใช้เป็นกรอบในการตรวจสอบการปฏิบัติงานในหน้าที่ของคณะกรรมการโดยสม่ำเสมอ และทำการประเมินผลการปฏิบัติงานเป็นประจำทุกปี โดยมีประธานกรรมการเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการเปรียบเทียบกับบรรทัดฐาน ทั้งนี้ คณะกรรมการได้มีการนำผลการประเมินมาร่วมกันพิจารณาและกำหนดแนวทางปรับปรุงการทำงานต่อไป
10. การกำหนดค่าตอบแทนกรรมการ
คณะกรรมการกำหนดรูปแบบและหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนและผลประโยชน์ตอบแทนอื่นๆ แก่กรรมการที่ชัดเจน และนำเสนอขออนุมัติจากผู้ถือหุ้น โดยมีคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนเป็นผู้พิจารณากลั่นกรองจำนวนเงินค่าตอบแทนแต่ละปีอย่างโปร่งใส เป็นธรรม และเหมาะสมกับหน้าที่ความรับผิดชอบ ตลอดจนปัจจัยแวดล้อมอื่นที่เกี่ยวข้องและประโยชน์ที่ได้รับจากกรรมการแต่ละคน โดยให้อยู่ในระดับที่เทียบเคียงได้กับที่ปฏิบัติในอุตสาหกรรมเดียวกัน
11. การอบรมและพัฒนาความรู้กรรมการ
กรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่จะได้รับทราบข้อมูลบริษัท กฎระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ และข้อมูลธุรกิจที่สำคัญต่อการปฏิบัติหน้าที่กรรมการ รายงานการประชุมคณะกรรมการบริษัท และรายงานการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบย้อนหลัง มีการแนะนำให้รู้จักคณะกรรมการและผู้บริหาร นอกจากนี้ มีการส่งเสริมให้กรรมการได้รับการอบรมและเข้าร่วมกิจกรรมสัมมนาที่เป็นการเพิ่มพูนความรู้ต่อการปฏิบัติหน้าที่กรรมการ
12. แผนการสืบทอดงาน
คณะกรรมการกำหนดให้มีแผนการสืบทอดตำแหน่งของกรรมการผู้จัดการและผู้บริหารระดับสูงของบริษัท เพื่อรักษาความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุน องค์กร ตลอดจนพนักงาน เกี่ยวกับการดำเนินงานของบริษัทว่าจะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจัดให้มีการทบทวนแผนการสืบทอดตำแหน่งเป็นประจำทุกปี
13. การต่อต้านการทุจริต
บริษัทมี “นโยบายต่อต้านการคอร์รัปชั่น” เพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจนในการดำเนินธุรกิจ และพัฒนาสู่องค์กรแห่งความยั่งยืน โดยห้ามกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทดำเนินการหรือยอมรับการคอร์รัปชั่นในทุกรูปแบบทั้งทางตรงหรือทางอ้อม โดยครอบคลุมถึงทุกธุรกิจในทุกประเทศและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้มีการสอบทานการปฏิบัติตามนโยบายต่อต้านคอร์รัปชั่นนี้อย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนทบทวนแนวทางการปฏิบัติ และข้อกำหนดในการดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ ระเบียบ ข้อบังคับ และข้อกำหนดของกฎหมาย
การดูแลให้มีการปฏิบัติตาม
กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานทุกคนต้องปฏิบัติตามจรรยาบรรณและนโยบายการกำกับดูแลกิจการของบริษัทอย่างเคร่งครัดด้วยความเข้าใจ ยึดมั่น และยอมรับเป็นส่วนหนึ่งของวินัยในการปฏิบัติงาน ดูแลและระมัดระวังมิให้ตนเองและผู้ร่วมงานมีการประพฤติที่ขัดต่อจรรยาบรรณและนโยบายการกำกับดูแลกิจการ โดยกระบวนการกำกับดูแลให้มีการปฏิบัติตามมีดังนี้
กรรมการและผู้บริหาร
- ส่งเสริมให้มีการปฏิบัติตามจรรยาบรรณและนโยบายการกำกับดูแลกิจการของบริษัท
- สร้างวัฒนธรรมการทำงานให้เป็นไปตามจรรยาบรรณและนโยบายการกำกับดูแลกิจการของบริษัทด้วยการปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี
- รับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของพนักงาน เพื่อนำมาพัฒนาและปรับปรุงนโยบายและกฎระเบียบต่างๆ ของบริษัทให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
- ดูแลให้มีการปฏิบัติงานตามจรรยาบรรณและนโยบายการกำกับดูแลกิจการของบริษัท
คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการ
- สื่อสารและดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับจรรยาบรรณและนโยบายการกำกับดูแลกิจการแก่กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานอย่างครบถ้วน ทั่วถึง และมีประสิทธิภาพ
- ตรวจประเมินภายในด้วยเกณฑ์บรรษัทภิบาล เพื่อกำหนดประเด็นที่ควรปรับปรุง
- ตรวจประเมินความพอเพียงและความเหมาะสมของจรรยาบรรณและนโยบายการกำกับดูแลกิจการ เพื่อให้มีความสอดคล้องกับภาวการณ์และสภาพธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ
ฝ่ายทรัพยากรบุคคล
- ชี้แจงและให้คำแนะนำแก่พนักงานให้ทราบถึงหน้าที่ในการปฏิบัติตามจรรยาบรรณและนโยบายการกำกับดูแลกิจการของบริษัท
- จัดให้พนักงานใหม่ได้รับจรรยาบรรณและนโยบายการกำกับดูแลกิจการของบริษัท
- ติดตามและจัดเก็บแบบรับทราบและถือปฏิบัติตามจรรยาบรรณและนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่พนักงานลงนามรับทราบแล้ว
ส่วนงานตรวจสอบภายใน
- สอบทานข้อมูลเบื้องต้นในกรณีที่มีหรือเชื่อได้ว่าอาจจะมีการไม่ปฏิบัติตามจรรยาบรรณและนโยบายการกำกับดูแลกิจการ และรายงานให้คณะกรรมการตรวจสอบทราบ
- ติดตามและประสานงานให้มีการแก้ไขการไม่ปฏิบัติตามจรรยาบรรณและนโยบายการกำกับดูแลกิจการโดยเร็ว และรายงานความคืบหน้าให้คณะกรรมการตรวจสอบทราบ
วินัย
จรรยาบรรณและนโยบายการกำกับดูแลกิจการของบริษัทถือเป็นส่วนหนึ่งของวินัยที่บุคลากรทุกระดับของบริษัทต้องยึดถือและปฏิบัติตาม โดยมีสาระสำคัญที่ควรทราบดังนี้
- ศึกษา ทำความเข้าใจ และทบทวนจรรยาบรรณและนโยบายการกำกับดูแลกิจการของบริษัทอย่างละเอียดถี่ถ้วนและสม่ำเสมอ
- ปฏิบัติตามจรรยาบรรณและนโยบายการกำกับดูแลกิจการของบริษัทอย่างเคร่งครัด
- ส่งเสริม สนับสนุน และดูแลให้ผู้ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติตามจรรยาบรรณและนโยบายการกำกับดูแลกิจการของบริษัท
- หากมีการฝ่าฝืนหรือละเว้นการปฏิบัติตามจรรยาบรรณและนโยบายการกำกับดูแลกิจการของบริษัท ย่อมถูกสอบสวนและพิจารณาโทษทางวินัยตามระเบียบของบริษัท
- ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบการดำเนินการที่ฝ่าฝืนหรือละเว้นการปฏิบัติตามจรรยาบรรณและนโยบายการกำกับดูแลกิจการของบริษัท
- กรณีไม่แน่ใจว่าการดำเนินการหรือพฤติการณ์ใดที่ตนเองกำลังมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือจะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องจะขัดต่อจรรยาบรรณและนโยบายการกำกับดูแลกิจการของบริษัทหรือไม่ ให้ตั้งคำถามนั้นกับตนเองดังนี้
- การกระทำนั้นขัดต่อกฎหมาย ความสงบเรียบร้อย และศีลธรรมอันดีหรือไม่
- การกระทำนั้นขัดต่อนโยบาย ค่านิยม หลักบรรษัทภิบาลและภาพลักษณ์ของบริษัทหรือไม่
- การกระทำนั้นส่งผลเสียต่อผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทหรือไม่
- การกระทำนั้นจะก่อให้เกิดแนวปฏิบัติที่ไม่ดีในอนาคตหรือไม่
“หากการกระทำนั้นขัดต่อสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นให้ยุติการกระทำ”
นิยาม
- บริษัท หมายถึง บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย
- บริษัทย่อยลำดับเดียวกัน หมายถึง บริษัทย่อยตั้งแต่ 2 บริษัทขึ้นไปที่มีบริษัทใหญ่เป็นบริษัทเดียวกัน
- บุคลากรของบริษัท หมายถึง กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท
- กรรมการ หมายถึง กรรมการของบริษัท
- กรรมการที่มีส่วนร่วมบริหารงาน หมายถึง กรรมการที่ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหาร กรรมการที่ทำหน้าที่รับผิดชอบเยี่ยงผู้บริหาร และกรรมการที่มีอำนาจลงนามผูกผัน เว้นแต่แสดงได้ว่าเป็นการลงนามผูกผันตามรายการที่คณะกรรมการมีมติอนุมติไว้แล้ว และเป็นการลงนามร่วมกับกรรมการรายอื่น
- กรรมการอิสระ หมายถึง กรรมการที่มีความเป็นอิสระจากการควบคุมของผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นรายใหญ่และต้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีส่วนได้ส่วนเสียกับการตัดสินใจของผู้บริหาร
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้กำหนด นิยามความเป็นอิสระของกรรมการ ซึ่งสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังนี้- ต้องถือหุ้นไม่เกิน 0.5% ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัทฯ บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม หรือนิติบุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง (นับรวมบุคคลที่เกี่ยวข้องตามมาตรา 258 ตามกฎหมายหลักทรัพย์)
- ไม่เป็นกรรมการที่มีส่วนร่วมในด้านต่างๆ ดังนี้
- การบริหารงาน
- พนักงาน หรืออดีตพนักงานของผู้ตรวจสอบบัญชีภายนอก
- ผู้ที่มีผลประโยชน์ร่วมกับบริษัทฯ รวมถึงผู้ตรวจสอบ ที่ปรึกษากฎหมาย หรือผู้ให้บริการทางวิชาชีพใดๆ
- พนักงานบริษัทฯ
- ผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัทฯ บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม บริษัทย่อยลำดับเดียวกัน
- นิติบุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง (ปัจจุบันและช่วง 2 ปีก่อนได้รับการแต่งตั้ง)
- ผู้ที่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับบริษัทฯในช่วงระยะ 2 ปี - ไม่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ เช่นเป็นลูกค้า คู่ค้า เจ้าหนี้-ลูกหนี้การค้า เจ้าหนี้-ลูกหนี้เงินกู้ เป็นต้น รวมทั้งไม่มีผลประโยชน์หรือส่วนได้เสียไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ทั้งในด้านการเงินและการบริหารงานของบริษัทฯ และบริษัทในกลุ่ม บริษัทร่วมหรือนิติบุคคลที่อาจมีความขัดแย้งในลักษณะที่จะทำให้ขาดความเป็นอิสระ
- ไม่เป็นญาติสนิทหรือมีความสัมพันธ์ที่อาจทำให้ขาดความเป็นอิสระกับผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ บริษัทในกลุ่ม บริษัทร่วม หรือนิติบุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง
- ไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนเพื่อรักษาผลประโยชน์ของกรรมการ หรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่
- ผู้บริหาร หมายถึง ผู้บริหารของบริษัทตั้งแต่ระดับผู้จัดการขึ้นไป
- พนักงาน หมายถึง พนักงานลำดับถัดลงมาจากผู้บริหาร ทั้งที่เป็นพนักงานประจำ พนักงานสัญญาจ้าง และพนักงานชั่วคราวของบริษัท
- คู่ค้า หมายถึง ผู้จัดหาสินค้าและบริการให้กับบริษัท ผู้รับเหมา ผู้รับเหมาช่วง
- ลูกค้า หมายถึง ผู้ซื้อสินค้าของบริษัท
- ผู้มีส่วนได้เสีย หมายถึง ผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้า เจ้าหนี้ พนักงาน คู่แข่งทางการค้า ภาครัฐ ตลอดจนองค์กรและผู้ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ในสังคม
- บุคคลที่เกี่ยวโยงกัน หมายถึง กรรมการ ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ผู้มีอำนาจควบคุม หรือบุคคลที่จะได้รับการเสนอให้เป็นผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัทหรือบริษัทย่อย รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องและญาติสนิทของบุคคลดังกล่าว
- ผู้ถือหุ้นรายใหญ่หมายถึง ผู้ถือหุ้นไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในนิติบุคคลใดเกินกว่าร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมด ทั้งนี้ให้นับรวมถึงหุ้นที่ถือโดยบุคคลที่เกี่ยวข้องด้วย
- บุคคลที่เกี่ยวข้อง หมายถึง บุคคลที่มีความสัมพันธ์ในลักษณะใดลักษณะหนึ่งดังต่อไปนี้
- บุคคลที่มีอำนาจควบคุมกิจการบริษัท และในกรณีที่บุคคลนั้นเป็นนิติบุคคล ให้หมายความรวมถึงกรรมการของนิติบุคคลนั้นด้วย
- คู่สมรส บุตรหรือบุตรบุญธรรมที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของกรรมการ ผู้บริหาร หรือบุคคลตาม (1)
- นิติบุคคลที่บุคคลตาม (1) หรือ (2) มีอำนาจควบคุมกิจการ
- บุคคลอื่นที่มีลักษณะตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด
- ญาติสนิท หมายถึง บุคคลที่มีความสัมพันธ์ทางสายโลหิต หรือ โดยการจดทะเบียนตามกฎหมาย ดังต่อไปนี้
- คู่สมรส
- บิดา มารดา พี่ น้อง และบุตร/บุตรบุญธรรม รวมทั้งคู่สมรสของบุตร/บุตรบุญธรรม
- ข้อมูลภายใน หมายถึง ข้อมูลซึ่งยังไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณชนที่มีไว้ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ของบริษัทอย่างเดียว และไม่ใช่มีไว้ใช้ส่วนบุคคล ข้อมูลซึ่งบริษัทเก็บไว้ไม่เปิดเผยเป็นการชั่วคราว รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับกลยุทธ์ นโยบาย แผนงาน เป้าหมาย ผลประกอบการ และรายได้ของบริษัท
นโยบายและแผนการบริหารความเสี่ยง
คณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการตรวจสอบเป็นผู้ตรวจสอบระบบการควบคุมภายในเรื่องต่างๆ เช่น ระบบการบริหารด้านการเงิน การเปรียบเทียบผลการดำเนินงานของบริษัทกับกลยุทธ์ และเป้าหมาย การปฏิบัติให้สอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ โดยบริษัทมีหน่วยงานตรวจสอบภายในที่จะทำการทดสอบความถูกต้องของข้อมูล ตรวจสอบการดูแลเก็บรักษาและใช้งานทรัพย์สิน ประเมินความเพียงพอและประสิทธิภาพของระบบควบคุมภายในของระบบงานต่างๆ พร้อมด้วยการวางแผนตรวจสอบและติดตามให้มีการปฏิบัติตามแผนโดยมีจุดประสงค์เพื่อให้การดำเนินงานของบริษัทมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อช่วยป้องกันและบริหารจัดการความเสี่ยงต่างๆที่อาจเกิดขึ้นกับบริษัทและผู้ที่มีส่วนได้เสีย
คณะกรรมการบริษัทเป็นผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับงบการเงิน สารสนเทศทางการเงินของบริษัทและบริษัทย่อย และการรายงานทางการเงินในรายงานประจำปี งบการเงินของบริษัท จะได้รับการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีว่าถูกต้องตามที่ควร ในสาระสำคัญตามมาตรฐานบัญชีที่เป็นที่ยอมรับในประเทศไทย มีการเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญอย่างเพียงพอในงบการเงินและหมายเหตุประกอบงบการเงิน ในรายงานประจำปีของบริษัทอย่างครบถ้วน
คณะกรรมการบริษัทยังมีความรับผิดชอบในการจัดรักษาไว้ซึ่งระบบควบคุมภายในที่มีประสิทธิภาพเพื่อสร้างความมั่นใจอย่างเป็นเหตุเป็นผลว่างบการเงินมีการบันทึกข้อมูลอย่างถูกต้องและสมบูรณ์ มีการดูแลการเก็บรักษาและการใช้งานของทรัพย์สินอย่างเหมาะสม เพื่อเป็นการป้องกันการปฏิบัติโดยมิชอบหรือการทุจริต โดยคณะกรรมการบริษัทได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบซึ่งประกอบด้วยกรรมการอิสระจำนวน 3 ท่าน เพื่อควบคุมดูแลให้บริษัทมีระบบรายงานทางการเงินและระบบการตรวจสอบที่ถูกต้องเหมาะสม
แบบประเมินความเพียงพอของระบบการควบคุมภายในของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ถูกใช้เป็นแนวทางในการประเมินความเพียงพอของระบบการควบคุมภายในของบริษัทด้วยตนเอง โดยฝ่ายจัดการที่เกี่ยวข้องและสำนักตรวจสอบภายในได้ทำการประเมินเป็นรายปี และการประเมินดังกล่าวได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการตรวจสอบ และคณะกรรมการบริษัทเป็นประจำ
ปัจจุบัน ผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานตรวจสอบภายในของบริษัท คือ นางสาวชญานี ชัยเดชขจร ผู้ช่วยผู้อำนวยการแผนกตรวจสอบภายใน ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการตรวจสอบ
คณะกรรมการบริษัทมีความเห็นว่า ในสภาพปัจจุบัน ระบบควบคุมภายในของบริษัทในด้านต่างๆ กล่าวคือ ด้านสภาพแวดล้อมการควบคุม การประเมินความเสี่ยง มาตรการควบคุม ระบบสารสนเทศและการสื่อสารข้อมูล และระบบการติดตาม มีความเพียงพอและเหมาะสม
ปัจจัยความเสี่ยงและการบริหารความเสี่ยง
บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) มีความมุ่งมั่นในการดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายการเป็นผู้ผลิตแผ่นพิมพ์วงจร PCB รายใหญ่ของโลก และตระหนักว่าการบริหารความเสี่ยงเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของทุกกระบวนการในการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยบริษัทได้จัดตั้งคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงชุดต่างๆขึ้นมาทำงานเพื่อพิจารณาความเสี่ยงให้ครอบคลุมในทุกๆด้าน ทั้งนี้ เพื่อให้การบริหารความเสี่ยงของบริษัท มีทิศทางที่ชัดเจน สอดคล้องกับกลยุทธ์และเป้าหมายทางธุรกิจ ภายใต้กรอบการกำกับดูแลที่ดี บริษัทได้จำแนกประเภทการจัดการความเสี่ยงเป็นประเด็นสำคัญไว้ ดังนี้
-
ความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ (Strategic Risk)
จากวิสัยทัศน์ของบริษัทที่ต้องการเป็นผู้ผลิต PCB รายใหญ่ของโลกโดยการวางเป้าหมายที่จะผลิต PCB เพื่อเป็นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ให้กับผลิตภัณฑ์ต่างๆให้ครอบคลุมเทคโนโลยีในทุกด้านรวมถึงชิ้นส่วนรถยนต์ซึ่งเป็นสัดส่วนการผลิตมากสุดของบริษัทและยังคงเติบโตขึ้นทุกปี นอกจากนั้นบริษัทยังมีการเพิ่มฐานลูกค้านอกกลุ่มชิ้นส่วนรถยนต์ให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มช่องทางการขยายโอกาสทางการตลาด พร้อมกันนี้บริษัทได้ขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตให้ดีขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตของความต้องการ PCB ในตลาดที่สูงขึ้น โดยมีแผนสร้างโรงงานผลิต PCB แห่งใหม่ที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นอกจากนี้ บริษัททำการควบคุมต้นทุนในการผลิตให้อยู่ในระดับต่ำเพื่อที่จะสามารถแข่งขันกับคู่แข่ง โดยความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดแผนกลยุทธ์ของบริษัทประกอบไปด้วย
1.1 ความเสี่ยงทางด้านการจัดหาวัตถุดิบ (Raw Material Sourcing Risk)
ในปี 2565 สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทั่วโลกเริ่มดีขึ้นน่าจะทำให้ปัญหาเรื่องการขนส่งสินค้าจากผู้จำหน่ายล่าช้าเริ่มปรับตัวดีขึ้น แต่จากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ต้องกลับมาเผชิญปัญหาเรื่องการขนส่งโดยเฉพาะในยุโรป ทั้งยังมีเรื่องของการปรับราคาขึ้นของวัตถุดิบ โดยเฉพาะทองแดงที่เป็นวัตถุดิบหลัก ซึ่งเป็นผลจากการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาพลังงานของโลก แต่บริษัทก็สามารถก้าวข้ามปัญหานี้ได้ด้วยการวางแผนและการติดต่อประสานงานที่ดี อีกทั้ง บริษัทยังได้สรรหาผู้จำหน่ายรายใหม่เพิ่มขึ้นจากผู้จำหน่ายรายเดิม เพื่อลดความเสี่ยงในการขาดแคลนวัตถุดิบและวัสดุที่ใช้ในการผลิต
1.2 ความเสี่ยงทางด้านการตลาด และการแข่งขันทางธุรกิจ (Market Risk & Competition Risk)
หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทั่วโลกเริ่มดีขึ้น หลายประเทศได้ผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์เนื่องจากการแพร่ระบาดลดลง ประชาชนทั่วโลกเริ่มใช้จ่ายกันมากขึ้น รวมทั้งตลาดรถยนต์เริ่มปรับตัวดีขึ้น ทำให้คำสั่งซื้อจากลูกค้ากลุ่มยานยนต์เพิ่มมากขึ้นในช่วงต้นปี แต่ผลจากสงครามระหว่าง รัสเซีย-ยูเครน กลับทำให้คำสั่งซื้อของลูกค้ากลุ่มยานยนต์ปรับตัวลดลงในช่วงไตรมาส 3-4 ซึ่งทางบริษัทมี Backlog order อยู่จึงได้รับผลกระทบไม่มากนัก
1.3 ความเสี่ยงทางด้านการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี (Technology Change Risk)
อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์นั้นมีการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีการผลิตค่อนข้างรวดเร็ว ดังนั้น จึงอาจมีความเสี่ยงเรื่องความสามารถในการแข่งขันได้ บริษัทจึงได้มีการลงทุนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปัจจุบัน อีกทั้ง ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่จะเพิ่มขึ้น รวมถึงการให้ความสำคัญต่อกระบวนการตรวจสอบคุณภาพสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะสินค้ากลุ่ม HDI (High Density Interconnect) ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิต
-
ความเสี่ยงจากการปฏิบัติการ (Operation Risk)
2.1 ความเสี่ยงทางด้านการดำเนินการผลิต (Production Risk)
ในปี 2565 มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นในช่วงต้นปี แต่จากผลของสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้คำสั่งซื้อชะลอตัวลงในช่วงไตรมาส 3-4 จากผลของเศรษฐกิจโลก บริษัทจึงต้องวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับคำสั่งซื้อ ปรับปรุงขั้นตอนการผลิตให้เหมาะสมกับเทคโนโลยีใหม่เพื่อลดอัตราการเกิดของเสีย (Defects) และลดเวลาที่ใช้ในการผลิต (Cycle Time) รวมทั้งเพิ่มความเข้มงวดในการบำรุงรักษาเครื่องจักรเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) เพื่อลดอัตรา Downtime ของเครื่องจักร ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนการผลิตให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจได้
2.2 ความเสี่ยงทางด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ (Human Resources Management Risk)
ปัจจัยหลักในการพิจารณาเรื่องความเสี่ยงด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ในปี 2565 ยังคงเป็นการเฝ้าระวังและให้การดูแลพนักงานป้องการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยที่ทางบริษัทมีการกำหนดมาตรการกำกับดูแลและปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมตามสถานการณ์ ส่งผลให้สามารถดำเนินการผลิตได้ปกติและต่อเนื่อง นอกจากนั้นบริษัทได้ดำเนินการควบคุมความเสี่ยงเรื่องการลาออกของพนักงาน โดยมีนโยบายในการกำหนดอัตราค่าจ้างที่จูงใจ โดยมีการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในอัตราที่สูงกว่าค่าจ้างขั้นต่ำตามกฎหมายและจ่ายเงินค่าทักษะพิเศษในจุดปฏิบัติงานที่ต้องใช้ทักษะสูง เป็นต้น เพื่อเพิ่มแรงจูงใจและลดอัตราการขาดแคลนแรงงาน
2.3 ความเสี่ยงทางด้านการบริหารความปลอดภัยของข้อมูลสารสนเทศ (IT Security Risk)
ข้อมูลและระบบสารสนเทศของบริษัทถือเป็นทรัพยากรที่สำคัญยิ่ง การป้องกันภัยจากภายนอกและการควบคุมดูแลอย่างเป็นระบบและมีมาตรฐานเป็นสิ่งที่ทางบริษัทให้ความสำคัญมาก โดยมีการจัดการความเสี่ยงและโอกาสที่จะเกิดความเสี่ยง ดังนี้
- ติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันระบบโครงข่ายคอมพิวเตอร์ (Fire wall) และปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการเข้ามาโจมตีข้อมูลที่สำคัญของบริษัทจากบุคคลภายนอก รวมถึงติดตั้งโปรแกรมป้องกันการคุกคามของไวรัสคอมพิวเตอร์ (Antivirus software) เพื่อป้องกันความเสียหายต่อระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัท
- ติดตั้งระบบสำรองข้อมูล (Data backup) เพื่อป้องการการสูญเสียข้อมูลหากเกิดเหตุการณ์ที่ระบบการทำงานและระบบการจัดเก็บข้อมูลหลัก (Servers) เกิดความเสียหายและไม่สามารถซ่อมแซมกลับมาใช้ได้ ทั้งยังทำห้องเก็บ Servers ที่สามารถทนไฟไหม้ได้ประมาณ 10 ชั่วโมงและระบบสำรองไฟฟ้าในกรณีที่เกิดไฟฟ้าดับ
- มีการทำสัญญาว่าจ้างบริษัทผู้จำหน่ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และซอร์ฟแวร์ที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ดูแลบำรุงรักษาระบบนั้นๆ
- พัฒนาปรับปรุงการบริหารจัดการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศโดยให้สอดคล้องกับข้อกำหนดตามมาตรฐาน Trusted Information Security Assessment Exchange (TISAX) สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ เนื่องจากกิจการของบริษัทรองรับการเติบโตจากอุตสาหกรรมดังกล่าวเป็นหลัก โดยมีการวางระบบรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศทั้งจากภายในและภายนอก ซึ่งคาดว่าจะได้รับการรับรองมาตรฐานดังกล่าวภายในปี 2566
- สร้างศูนย์คอมพิวเตอร์สำรอง (Disaster Recovery Site) ไว้นอกสถานที่ตั้งบริษัท เพื่อเป็นแหล่งสำหรับเก็บข้อมูลและระบบงานหลักของบริษัท ซึ่งสามารถเปิดใช้งาน และกู้ข้อมูลคืนได้ตลอดเวลา หากศูนย์ข้อมูลหลักไม่สามารถใช้งานได้ ไม่ว่าจะเป็นจากภัยธรรมชาติหรือด้วยฝีมือของมนุษย์ ช่วยให้เกิดความเชื่อมั่นว่าจะไม่เกิดความเสียหายใดๆ กับข้อมูล รวมถึงช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างต่อเนื่องไม่สะดุด
- เพิ่มวิธีการตรวจสอบ VA (Vulnerability Assessment) เพื่อตรวจสอบช่องโหว่ที่อาจจะถูกโจมตีทางไซเบอร์ที่มาในรูปแบบใหม่ๆอยู่เสมอ เป็นการประเมินหาความเสี่ยงที่เกิดจากช่องโหว่ที่ค้นพบในระบบปฏิบัติการ (OS) ซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์ Network/Security ว่ามีช่องโหว่ใดบ้าง และมีระดับความรุนแรงเท่าใด เพื่อให้ผู้ดูแลระบบทราบและทำการแก้ไขเพื่อปิดช่องโหว่นั้น
-
ความเสี่ยงด้านการเงิน (Financial Risk)
3.1 ความเสี่ยงทางด้านการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Foreign Exchange Risk)
เนื่องจากรายได้และต้นทุนขายส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นเงินตราต่างประเทศโดยสกุลเงินหลักเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในระหว่างปี 2565 ค่าเงินบาทอยู่ในเกณฑ์ที่เป็นประโยชน์ต่อบริษัทคือค่าเงินบาทต่อเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลงไปมากเมื่อเทียบกับปี 2564 อย่างไรก็ดีทางบริษัทยังคงดำเนินนโยบายป้องกันความเสี่ยงเพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนโดยใช้วิธีการบริหารรายได้และรายจ่ายที่เป็นเงินตราต่างประเทศให้อยู่ในสกุลเดียวกัน (Natural Hedge) ในการสร้างสมดุลของสินทรัพย์และหนี้สินของบริษัทที่เป็นเงินตราต่างประเทศ นอกจากนี้บริษัทยังคงทำสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Forward Contract) สำหรับส่วนต่างของสินทรัพย์และหนี้สินที่เป็นเงินตราต่างประเทศซึ่งสามารถนำมาเป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนได้อีกระดับหนึ่ง
3.2 ความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Risk)
บริษัทได้รับการสนับสนุนวงเงินสินเชื่อระยะยาวสำหรับปรับปรุงโรงงานและซื้อเครื่องจักรเพิ่มจากสถาบันการเงินเมื่อปี 2564 และเบิกใช้วงเงินดังกล่าวในปี 2565 เพื่อรองรับการผลิตและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างไรก็ตาม ภาระหนี้เงินกู้ยืมระยะยาวเดิมได้ทยอยลดลงตามการผ่อนชำระ และบริษัทมีการกู้ยืมเงินระยะสั้นเพื่อใช้หมุนเวียนในธุรกิจบางส่วนและเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ โดยการกู้ยืมระยะสั้นมีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ต่ำ ทำให้ความเสี่ยงเรื่องอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ
-
ความเสี่ยงด้านการความปลอดภัยจากภัยอันตราย (Hazard Risk)
อัคคีภัยและภัยธรรมชาติอาจส่งผลเสียหายต่อการดำเนินงานของบริษัทได้เป็นอย่างมาก บริษัทและบริษัทย่อยทุกแห่งได้ทำการลดความเสี่ยงหากเกิดเหตุการณ์ขึ้นโดยการทำประกันครอบคลุมการเสี่ยงภัยทุกชนิด (All Risks) และประกันธุรกิจหยุดชะงัก (Business Interruption) ไว้กับบริษัทประกันภัยที่มีฐานะทางการเงินแข็งแรงเพื่อลดความเสี่ยง และมีการทบทวนกรมธรรม์ประกันภัยทุกปี เพื่อให้มั่นใจว่ามีทุนประกันที่เหมาะสมและสามารถคุ้มครองความเสียหายได้อย่างเพียงพอในทุกกรณี
4.1 ความเสี่ยงจากเหตุอุทกภัย (Flood)
สำหรับสถานประกอบการของบริษัทนั้นตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร และนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยนิคมอุตสาหกรรมทั้งสองแห่งได้มีการบริหารจัดการเพื่อป้องกันเหตุอุทกภัยในระดับมาตรฐาน ได้แก่ การสร้าง Flood wall เป็นต้น ซึ่งทางบริษัทมีการติดตามสถานการณ์ตลอดเวลา รวมถึงเฝ้าระวังติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดและมีการจัดเตรียมแผนเผชิญเหตุไว้อย่างดี อีกทั้ง การออกแบบอาคารโดยคำนึงถึงการป้องกันน้ำท่วมไว้ล่วงหน้า เช่น การยกพื้นอาคารให้สูงเกินระดับน้ำที่อาจท่วมถึง และสูงกว่าพื้นที่โดยรอบนิคมอุตสาหกรรม เพื่อป้องกันผลกระทบอันอาจเกิดขึ้นกับเครื่องจักรและกระบวนการผลิต
4.2 ความเสี่ยงจากเหตุอัคคีภัย (Fire Accident)
บริษัทมีแผนการป้องกันความเสี่ยงและระงับเหตุอัคคีภัยอย่างเป็นมาตรฐาน แบ่งเป็น แผนการตรวจตรา , แผนการอบรม , แผนการรณรงค์ป้องกันอัคคีภัย , แผนการดับเพลิง , แผนการอพยพหนีไฟ และแผนบรรเทาทุกข์ บริษัทจะให้ความรู้กับพนักงานทุกคนเรื่องการป้องกันอัคคีภัยและการระงับเหตุอัคคีภัยเบื้องต้น ทั้งยังมีการแต่งตั้งทีมระงับเหตุฉุกเฉิน (Emergency Response Team) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการอบรมและได้รับการฝึกฝนเรื่องการดับเพลิงและระงับเหตุร้ายต่างๆทำหน้าที่ในการดับเพลิง มีการตรวจสอบอุปกรณ์ที่ใช้ในการดับเพลิงให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ และมีการตรวจสอบเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่เสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยต่างๆตามรอบการตรวจสอบของอุปกรณ์แต่ละชนิด รวมถึงการตรวจสอบระบบไฟฟ้าตามแผนการตรวจสอบจากบุคคลภายนอกที่ได้รับการรับรองและขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการตรวจสอบและรับรองระบบไฟฟ้าและบริภัณฑ์ไฟฟ้า เพื่อนำส่งรายงานต่อกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
-
ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติตามกฎหมายสิ่งแวดล้อม (Environmental Regulation Compliance Risk)
บริษัทมีการกำหนดนโยบายในการปฏิบัติตามกฎหมายสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด และจากการที่บริษัทมีโรงงานอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งมีมาตรการควบคุมดูแลเป็นระบบมาตรฐานรองรับ ได้แก่ การบำบัดน้ำเสีย จะมีการตรวจสอบกระบวนการบำบัดน้ำเสียที่เป็นมาตรฐาน และได้รับการรับรองจากทั้งทางนิคมอุตสาหกรรมและกรมโรงงานอุตสาหกรรม โดยมีการตรวจสอบและนำส่งรายงานเป็นประจำตามข้อกำหนด ส่วนการจัดการของเสียอื่นๆและการกำจัดมลพิษทางอากาศ บริษัทได้มีการควบคุมและปฏิบัติตามกฎหมายสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัดเช่นกัน โดยมีการปรับปรุงอุปกรณ์กำจัดของเสียและตรวจสอบระบบเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้สามารถควบคุมการบำบัดของเสียได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด
-
ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ (Emerging Risk)
6.1 การแพร่ระบาดของ COVID-19
ในปี 2565 การแพร่ระบาดภายในบริษัทมีจำนวนน้อยลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนใหญ่จะพบว่าพนักงานมีการติดเชื้อมาจากด้านนอกบริษัทจึงไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทสามารถทำการผลิตได้ตามปกติ
6.2 ผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน
ผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนเป็นผลกระทบทางอ้อมเนื่องจากบริษัทไม่มีคู่ค้าจาก 2 ประเทศนี้ แต่ผลของสงครามทำให้เกิดภาวะราคาพลังงานเพิ่มสูงขึ้นมากส่งผลต่อราคาวัตถุดิบและวัสดุต่างๆปรับตัวขึ้นจากการที่ต้นทุนค่าขนส่งและต้นทุนการผลิตที่เกี่ยวข้องปรับสูงขึ้น ทั้งนี้ส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อทั่วโลกทำให้เกิดการชะลอตัวการเติบโตของเศรษฐกิจโลกส่งผลให้ประชาชนทั่วโลกลดการบริโภคลง
บริษัทได้รับการจัดอันดับการกำกับดูแลกิจการที่ดีตามหลักเกณฑ์การประเมินของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและสำนักคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ในระดับ “ดีเลิศ” (Excellent CG Scoring) เป็นปีที่หกต่อเนื่อง ซึ่งประเมินโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai Institute Of Directors Association; IOD) ซึ่งจากผลการประเมินการกำกับดูแลกิจการของบริษัททุกปีที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของคณะกรรมการบริษัทฯ ฝ่ายบริหาร และพนักงานทุกคนที่ให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจและการบริหารจัดการตามแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดีอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง
เลขานุการบริษัท
คุณวสรา โชติธรรมรัตน์
ที่อยู่ : | เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) เลขที่ 72 - 72/1-3 นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ถนนฉลองกรุง แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ 10520 ประเทศไทย |
โทรศัพท์: | +66 (0) 2326-0196-9 ต่อ 1201 |
โทรสาร: | +66 (0) 2326-0300 |
อีเมลล์: | wasara.c@kce.co.th |